แรงเงา
โดย บทประพันธ์ นันทนา วีระชน บทละครโทรทัศน์ทางช่อง 3 โดย วิสุทธิชัย บุณยะกาญจน
ตอนที่ 1
ณ บึงบัวใหญ่แห่งหนึ่ง...เรือน้อยลอยลำอยู่ เด็กผู้หญิง 2 คน อายุประมาณ 7–8 ขวบนั่งบนเรือ มุตตา ผิวขาว ผมตรงดำมัน สวมมงกุฎดอกไม้บนศีรษะ ส่วนอีกคน มุนินทร์ ผิวคล้ำ ผมหยิกสั้นแค่คอ หน้าตามอมแมม ขะมักเขม้นพายเรืออยู่อีกด้าน ดูแตกต่างจนแทบแยกไม่ออกว่าทั้งสองเป็นฝาแฝดกัน
“ไปทางนู้นอีกสิ” มุตตาเร่ง
มุนินทร์หน้ามุ่ย ไม่พอใจแต่ก็พายไปให้แฝดน้องเด็ดฝักบัว
“พอแล้ว ไปทางโน้นอีก” มุตตาสั่งต่อ
“ไม่ไปแล้ว!” มุนินทร์คร้านจะทำตามสั่ง ปฏิเสธเสียงแข็ง แถมยังแลบลิ้นปลิ้นตาใส่น้องสาวอีกต่างหาก
มุตตาขู่จะฟ้องพ่อที่มุนินทร์ขัดคำสั่งไม่ตามใจตน มุนินทร์ไม่สน ยื่นข้อเสนอ
“ไปก็ได้ แต่ต้องให้ฉันใส่มงกุฎก่อน”
“ไม่ให้ แม่ทำให้ตาคนเดียว ไม่ทำให้ตัวเพราะตัวดื้อ เด็กดื้อไม่มีใครรักหรอก!”
มุนินทร์โกรธตาวาวที่โดนเย้ย กระโดดแย่งมงกุฎดอกไม้ มุตตายื้อหลบจนเสียหลักตกลงไปในน้ำ เสียงกรี๊ดของมุตตาหายไปเหลือแต่มงกุฎดอกไม้ลอยอยู่บนผิวน้ำ
“ดี สม!” มุนินทร์ยืนมองด้วยความสะใจแต่ก็เริ่มใจเสีย เมื่อเห็นแค่ฟองอากาศลอยขึ้นมา ไร้วี่แววแฝดน้อง
มุตตาตะเกียกตะกายอยู่ใต้น้ำ ร่างเล็กๆกลายเป็นสาวผมยาวในชุดนอนบางเบา จมดิ่งลงไปช้าๆ...
มุตตาผวาลุกขึ้นมาบนเตียง ใจสั่นระทึกจากความฝันที่ค่อยๆสงบลง หันไปเปิดโคมไฟหัวเตียงเผยให้เห็นห้องนอนกว้าง ตกแต่งด้วยโทนสีอ่อนหวาน เข้ากับเจ้าของห้องที่มีใบหน้าสะสวย อ่อนโยนแต่มีแววตาเศร้า...
ooooooo
เช้ารุ่งขึ้น...มุตตาเดินผ่านไร่ดอกไม้ขนาดใหญ่กิจการของครอบครัวไปที่ห้องนั่งเล่นในบ้าน แปลกและพิณ พ่อแม่ของมุตตานั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่โต๊ะกินข้าว
มุนินทร์ส่งอีเมล์มาบอกที่บ้านว่าเพิ่งทำวิทยานิพนธ์เสร็จ กำลังรอสอบถามตอบกับอาจารย์ พิณดีใจที่ลูกสาวคนโปรดใกล้จะกลับมา แปลกยิ้ม มุตตาแอบกังวลลึกๆ
“ยายนินน่ะมันหัวดี เรียนอะไรก็ได้ทุน พ่อแม่ไม่ต้องควักเนื้อเลย” แปลกชื่นชมลูกสาวคนโต
“ใช่ ไม่เหมือนแกนะยายตา กว่าจะเรียนจบ หมดเงินไปไม่รู้เท่าไหร่” พิณเสริมแอบเหน็บมุตตา
“หนูรู้ค่ะ ว่าบุญคุณเขาท่วมหัวหนู” มุตตาอัดอั้นหลุดปาก
“อิจฉาพี่เขาล่ะสิ อยากเป็นอย่างเขาก็ต้องรู้จักทะเยอทะยานสิยะ!” พิณตาเขียวต่อว่ามุตตา
มุตตาน้อยใจ ลุกออกไปเงียบๆ แปลกค่อนเมียว่าลำเอียง
“แต่ก่อนก็เห่อแต่ยายตา หาเรื่องยายนินไม่เว้นแต่ละวัน มาตอนนี้ก็เห่อแต่ยายนิน ยายตาเลยกลายเป็นหมาหัวเน่า”
“ฉันก็รักลูกเท่ากันนั่นแหละ” พิณอ้อมแอ้ม
“แน่ใจหรือ...คนเราไม่เหมือนกัน มีกรรมต่างกัน จะให้เหมือนกันน่ะไม่ได้หรอก” แปลกสรุป
คืนเดียวกันนั้น มุตตานอนไม่หลับออกมาเดินเล่น ผ่านห้องพระที่เปิดไฟอยู่ เห็นแปลกเพิ่งสวดมนต์เสร็จและกรวดน้ำ มุตตาเดินมานั่งข้างพ่อ แปลกเงยหน้ามองลูกสาว “สวดมนต์แล้วอย่าลืมขออโหสิกรรมและแผ่เมตตานะลูก”
“อโหสิกรรมกับใครคะ?”
“ก็คนที่เขาทำไม่ดีกับเรา คนที่เราทำไม่ดีกับเขา หรือเจ้ากรรมนายเวรน่ะลูก”
“เจ้ากรรมนายเวรมีจริงหรือคะ?”
แปลกบอกลูกสาวว่ามีจริง แต่ที่น่ากลัวไม่ใช่เจ้ากรรมนายเวรที่เป็นผี แต่เป็นเจ้ากรรมนายเวรที่เป็นคนต่างหาก!
ooooooo
ณ ห้องประชุมโรงแรมแห่งหนึ่ง...เจนภพ ผู้อำนวยการประจำกระทรวงกล่าวปิดงานสัมมนาบนเวที... ใบหน้าหล่อเหลาและดวงตาเป็นประกายของหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบยังดูดี ดึงดูดให้ผู้เข้าร่วมสัมมนา ทั้งสาวน้อยสาวใหญ่มองดูอย่างเคลิบเคลิ้ม...โดยเฉพาะ วิมาลา ข้าราชการสาวในชุดขาวเกล้ามวยสวมแว่นราวกับแม่ชีที่นั่งอยู่ด้านในสุด...
ขณะเดียวกันบนถนนต่างจังหวัด...นพนภา ภรรยาของเจนภพ สาวใหญ่วัยสามสิบตอนปลายบึ่งรถมากับเนตรนภิศ น้องสาวที่นั่งตัวเกร็งอยู่ข้างๆ เนตรนภิศติงพี่สาว รีบไปก็เท่านั้นเพราะงานสัมมนาเลิกตอนเย็น เสียเวลารอ
“เสียเวลาก็ดีกว่าเสียผัว เขาเรียกใช้เวลาคุณภาพย่ะ แกเองน่ะแหละ ไม่เห็นจะดูแลผัวแกเลย”
เนตรนภิศยิ้มภาคภูมิใจ “คุณอมรเป็นสามีในโอวาทคะ ไม่เจ้าชู้เลย ไม่เห็นเหมือนพี่ภพผัวพี่”
“ไม่จริงย่ะ ภพไม่มีเรื่องกะอีพวกดอกส้มดอกชมพูมาเกือบปีแล้ว”
เนตรนภิศแขวะว่าคงจะไม่มีให้เห็นมากกว่าเพราะนพนภาวางสายสืบไว้ทั่วกระทรวง “ถ้าพี่นภาเผลอ หรือว่าสายลับพี่ทำงานหย่อนยานล่ะก็...พี่ภพต้องก่อวีรกามขึ้นมาอีกแน่ๆค่ะ”
นพนภาโกรธพาลเหยียบคันเร่งหนักขึ้น “แกอย่ามาเสี้ยม นังนภิศ ฉันเชื่อใจผัวฉัน”
ที่ล็อบบี้โรงแรม...วีกิจ หนุ่มหล่อวัย 26 ปี ท่าทางสุภาพแสนดียืนอยู่กับประสิทธิ์ชัย เพื่อนสนิทที่กระทรวง นพนภาเดินฉับๆเข้าไปทัก วีกิจบอกว่างานสัมมนาเลิกแล้ว นพนภางงเพราะเจนภพบอกว่างานเลิกตอนเย็น แจงจิต เลขาใหญ่ของเจนภพและลูกน้องสาวๆ คือ อรพิม ทิพอาภา และปริม เดินมาสมทบพอดี โดนนพนภาซัก
“ตามกำหนดการน่ะเลิกเย็นค่ะ แต่เป็นที่รู้กันว่าสัมมนาวันสุดท้ายเป็นวันช็อปปิ้งค่ะ” แจงจิตตอบตามตรง
“เออดี แค่เช้าชามเย็นชามยังไม่พอ”
บรรดาข้าราชการหน้าม้านไปตามๆกัน เนตรนภิศเดินมาสมทบพอดี นพนภาถามหาเจนภพ ลูกน้องสาวรายงานว่าอยู่บนห้องพัก เนตรนภิศสังหรณ์ได้ถึงบางอย่าง เร่งพี่สาวให้ขึ้นไปดู นพนภารีบเดินและกดมือถือหาเจนภพไปด้วยแต่เขาปิดมือถือ
“ดีแล้วค่ะ พี่นภาจะโทร.ไปให้รู้ตัวก่อนทำไม?” เนตรนภิศได้โอกาสเสี้ยม
นพนภาเห็นด้วยและยิ่งของขึ้น ผลุนผลันนำน้องสาวขึ้นไปบนห้องของเจนภพ
ooooooo
ภายในห้องพัก...เจนภพนอนเปลือยอก มีวิมาลานอนซบอยู่ วิมาลากระเง้ากระงอดว่าเบื่อที่ต้องเจอกันแบบหลบๆซ่อนๆ เจนภพยิ้มเหยียดไม่สนใจเพราะทุกนางก็พูดแบบนี้ เขาปลอบให้ใจเย็นๆ เพราะนพนภามีสายเยอะ
“วิไม่อยากแต่งตัวเป็นแม่ชีอีกแล้ว วิไม่อยากใส่แว่น ไม่อยากเกล้ามวย...วิอยากใส่บิ๊กอาย”
“ไม่เหมือนแม่ชีซักหน่อย...เหมือนบรรณารักษ์ในหนังเอวีต่างหาก”
วิมาลาเขิน เสียงเคาะประตูดังขึ้น เจนภพไปดูที่ตาแมวแล้วตาเหลือกเห็นเมียขี้หึงยืนหน้าถมึงทึง เขากลับกระซิบบอกวิมาลา พริบตานั้นเองสาวเจ้าก็กระโจนพรวดไปยืนเก้กังบนเตียง ส่วนเจนภพวุ่นวายหาทางทำลายร่องรอย
นพนภาตบประตูเปรี้ยงๆ แต่เจนภพก็ยังไม่ออกมาเปิด นพนภาเริ่มสงสัย ส่วนเนตรนภิศลอบยิ้มอย่างสะใจที่ลางสังหรณ์มีเค้าว่าจะเป็นจริง
ประตูเปิดออก เจนภพในชุดเสื้อกางเกงเรียบร้อย ทำท่าเพิ่งตื่น เนียนทักนพนภาว่ามาถึงเร็ว ตนขึ้นมาพัก แล้วเผลอหลับไป นพนภาเชื่อบทที่เจนภพตีแตกสนิทใจแต่เนตรนภิศไม่เชื่อแกล้งขอใช้ห้องน้ำในห้อง เจนภพออกพิรุธบอกปัดให้ไปใช้ห้องน้ำที่ห้องอาหารแทน นพนภาสะกิดใจแทรกตัวเข้าไปในห้องทันที
นพนภาสำรวจร่องรอยในห้องแต่ไม่พบอะไร เจนภพแอบยิ้มโล่งอก เนตรนภิศออกจากห้องน้ำบอกว่าไม่เจออะไรเช่นกัน นพนภาผ่อนคลายลง เดินมาเกาะแขนสามีอย่างรักใคร่ ชวนไปกินข้าว เจนภพยิ่งโล่ง ทำงอนกลบเกลื่อนพูดประชดให้สำรวจห้องจับผิดต่อ นพนภาเสมองไปที่ซอกคอสามีเห็นรอยเล็บเลยของขึ้นอีกครา
เจนภพรีบตะปบปิดรอยที่คอแล้วอ้างว่า เมื่อวานแรลลี่หาอาร์ซีโดนกิ่งไม้เกี่ยว นพนภาตาขวาง กระชากเสื้อเจนภพขาดกระดุมกระจายเพื่อหาร่องรอย เจนภพตกใจเบี่ยงตัวหลบไปมา
“ไม่ต้องหาแล้วค่ะพี่นภา หนูเจออาร์ซีแล้ว” เนตรนภิศพูดพลางชูบราเซียร์ลูกไม้สีแดงขึ้น
นพนภากรี๊ดสนั่น “อีหน้าด้าน นี่แรลลี่กันไปกี่ด่านแล้วล่ะ!!”
เจนภพตกใจสุดขีดที่ความแตก นพนภาวิ่งหา เจ้าของบรารอบห้องแต่ไม่เจอ...นึกขึ้นได้เดินไปเปิดประตูกระจกบานเลื่อนออกไปที่ระเบียง เจนภพหน้าซีดกว่าเดิมก้าวตามมา
วิมาลายืนเขย่งตัวลีบแนบกับตัวตึกหลบนพนภาบนระเบียงห้องพัก แต่เพราะหน้าอกขนาดคัพดียื่นออกมาและเสียงเอะอะจากแขกของโรงแรมด้านล่างทำให้นพนภาเห็นเข้าจนได้ วิมาลาตะเกียกตะกายหนี นพนภาไต่ตามอย่างไม่ลดละ เจนภพมัวแต่อึ้งคว้าตัวเมียไว้ไม่ทัน
วิมาลาวิ่งออกจากลิฟต์ที่ล็อบบี้โรงแรม นพนภาตามมาจิกผมลากไปตบสั่งสอน วิมาลาฮึดสู้หันไปตอบโต้ ทั้งคู่ยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมา ประตูลิฟต์อีกตัวเปิดออก เจนภพและเนตรนภิศตามมาห้ามทัพแต่หวิดจะโดนลูกหลงแทน วีกิจยืนอยู่กับคนอื่นๆจากกระทรวง เข้าช่วยล็อกตัววิมาลา เจนภพล็อกตัวนพนภา ทั้งสองถูกจับแยกอย่างทุลักทุเล กลายเป็นอาหารสายตาให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้าเช็กอินชื่นชมแบบอะเมซิ่งไทยแลนด์...
วีกิจจอดรถหน้าบ้านหลังเล็กอายุราว 40 ปี ปลูกอยู่หลังบ้านใหญ่หรูหราของเจนภพและนพนภา สร้อยคำ มารดายังสาวของวีกิจออกมายืนรอรับและถามถึงงาน สัมมนา
“มันก็แค่ยกกองไปเที่ยวให้เปลืองงบหลวงเท่านั้นแหละครับ”
“แน่ใจหรือ แม่ได้ข่าวว่าอานภาไปจัดรีวิวปิดสัมมนาให้อาภพแกซะโลกลือเลยไม่ใช่หรือ”
วีกิจเกือบสำลัก สร้อยคำซักไซ้ลูกชายเป็นการใหญ่เพราะอยากรู้เรื่องชู้รักคนใหม่ของเจนภพ วีกิจจำใจเล่าเรื่องวิมาลาให้ฟังว่าแท้จริงแล้วลักลอบเป็นชู้กับเจนภพมาเกือบปี เจนภพออกไอเดียให้หล่อนปลอมตัวเป็นลูกน้องในแผนก แสร้งทำตัวเคร่งศีลธรรม ชอบเข้าวัดและทำบุญเพื่อหลอกนพนภาและคนทั้งกระทรวง
“นี่มันคู่เวรคู่กรรมจริงๆ ผัวก็เจ้าชู้เกินมนุษย์ เมียก็หึงไม่ลืมหูลืมตาแบบนี้” สร้อยคำพูดปลงๆ
วีกิจแซวว่าสงสัยจะอยู่ในดีเอ็นเอ สร้อยคำย้อนว่าน้ากับหลานคงไม่ต่างกัน วีกิจเก็กหล่อและบอกแม่ว่า หล่อเลือกได้ สร้อยคำค้อนขวับแล้วว่าเลือกให้ดีละกัน
ooooooo
ลัดดาจัดงานเลี้ยงที่บ้าน...เธอคุยอวดแปลกและพิณเรื่องรินลดา ลูกสาวที่เรียนไม่สูงแต่ทำงาน เก็บเงินสร้างบ้านให้แม่ได้ พิณไม่ยอมน้อยหน้าอวดเรื่องมุนินทร์ว่ากำลังจะจบโทจากเมืองนอก จบแล้วก็ได้งาน ได้เงินเดือนเรือนแสน แปลกนั่งฟังเซ็งๆ ส่วนมุตตาได้ยินแล้วน้อยใจเดินเลี่ยงออกไปยังศาลากลางสวนเงียบๆ...
มุตตาเจอหมอบี หนุ่มเชื้อสายจีนเพื่อนสมัยเด็กของมุตตาและมุนินทร์ หมอบีถามถึงมุนินทร์ มุตตาทำหน้าเมื่อยบอกว่าไม่ค่อยรู้เรื่องพี่สาว หมอบียิ้มๆ
ถามว่ายังทะเลาะกันอีกหรือ พอเธอปฏิเสธเขาเปลี่ยนเรื่องบอกว่าตนจะไปเรียนเพิ่มเติมที่อังกฤษ มุตตาอิจฉาหมอบีที่ได้ไปเมืองนอก
รินลดาในชุดสวยเดินเข้ามาพอดี “สองคนนี่มาทำอะไรตรงนี้ ถ่านไฟเก่าคุหรือไง”
“ถ่านไฟเก่าอะไร เราไม่ใช่สเป็กตาหรอก” หมอบีย้อนขำๆ
มุตตาเศร้าลงวูบหนึ่งแล้วแสร้งว่ากำลังนินทารินลดาที่สวยขึ้นกลายเป็นสาวไฮโซ
“ไปทางนู้นอีกสิ” มุตตาเร่ง
มุนินทร์หน้ามุ่ย ไม่พอใจแต่ก็พายไปให้แฝดน้องเด็ดฝักบัว
“พอแล้ว ไปทางโน้นอีก” มุตตาสั่งต่อ
“ไม่ไปแล้ว!” มุนินทร์คร้านจะทำตามสั่ง ปฏิเสธเสียงแข็ง แถมยังแลบลิ้นปลิ้นตาใส่น้องสาวอีกต่างหาก
มุตตาขู่จะฟ้องพ่อที่มุนินทร์ขัดคำสั่งไม่ตามใจตน มุนินทร์ไม่สน ยื่นข้อเสนอ
“ไปก็ได้ แต่ต้องให้ฉันใส่มงกุฎก่อน”
“ไม่ให้ แม่ทำให้ตาคนเดียว ไม่ทำให้ตัวเพราะตัวดื้อ เด็กดื้อไม่มีใครรักหรอก!”
มุนินทร์โกรธตาวาวที่โดนเย้ย กระโดดแย่งมงกุฎดอกไม้ มุตตายื้อหลบจนเสียหลักตกลงไปในน้ำ เสียงกรี๊ดของมุตตาหายไปเหลือแต่มงกุฎดอกไม้ลอยอยู่บนผิวน้ำ
“ดี สม!” มุนินทร์ยืนมองด้วยความสะใจแต่ก็เริ่มใจเสีย เมื่อเห็นแค่ฟองอากาศลอยขึ้นมา ไร้วี่แววแฝดน้อง
มุตตาตะเกียกตะกายอยู่ใต้น้ำ ร่างเล็กๆกลายเป็นสาวผมยาวในชุดนอนบางเบา จมดิ่งลงไปช้าๆ...
มุตตาผวาลุกขึ้นมาบนเตียง ใจสั่นระทึกจากความฝันที่ค่อยๆสงบลง หันไปเปิดโคมไฟหัวเตียงเผยให้เห็นห้องนอนกว้าง ตกแต่งด้วยโทนสีอ่อนหวาน เข้ากับเจ้าของห้องที่มีใบหน้าสะสวย อ่อนโยนแต่มีแววตาเศร้า...
ooooooo
เช้ารุ่งขึ้น...มุตตาเดินผ่านไร่ดอกไม้ขนาดใหญ่กิจการของครอบครัวไปที่ห้องนั่งเล่นในบ้าน แปลกและพิณ พ่อแม่ของมุตตานั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่โต๊ะกินข้าว
มุนินทร์ส่งอีเมล์มาบอกที่บ้านว่าเพิ่งทำวิทยานิพนธ์เสร็จ กำลังรอสอบถามตอบกับอาจารย์ พิณดีใจที่ลูกสาวคนโปรดใกล้จะกลับมา แปลกยิ้ม มุตตาแอบกังวลลึกๆ
“ยายนินน่ะมันหัวดี เรียนอะไรก็ได้ทุน พ่อแม่ไม่ต้องควักเนื้อเลย” แปลกชื่นชมลูกสาวคนโต
“ใช่ ไม่เหมือนแกนะยายตา กว่าจะเรียนจบ หมดเงินไปไม่รู้เท่าไหร่” พิณเสริมแอบเหน็บมุตตา
“หนูรู้ค่ะ ว่าบุญคุณเขาท่วมหัวหนู” มุตตาอัดอั้นหลุดปาก
“อิจฉาพี่เขาล่ะสิ อยากเป็นอย่างเขาก็ต้องรู้จักทะเยอทะยานสิยะ!” พิณตาเขียวต่อว่ามุตตา
มุตตาน้อยใจ ลุกออกไปเงียบๆ แปลกค่อนเมียว่าลำเอียง
“แต่ก่อนก็เห่อแต่ยายตา หาเรื่องยายนินไม่เว้นแต่ละวัน มาตอนนี้ก็เห่อแต่ยายนิน ยายตาเลยกลายเป็นหมาหัวเน่า”
“ฉันก็รักลูกเท่ากันนั่นแหละ” พิณอ้อมแอ้ม
“แน่ใจหรือ...คนเราไม่เหมือนกัน มีกรรมต่างกัน จะให้เหมือนกันน่ะไม่ได้หรอก” แปลกสรุป
คืนเดียวกันนั้น มุตตานอนไม่หลับออกมาเดินเล่น ผ่านห้องพระที่เปิดไฟอยู่ เห็นแปลกเพิ่งสวดมนต์เสร็จและกรวดน้ำ มุตตาเดินมานั่งข้างพ่อ แปลกเงยหน้ามองลูกสาว “สวดมนต์แล้วอย่าลืมขออโหสิกรรมและแผ่เมตตานะลูก”
“อโหสิกรรมกับใครคะ?”
“ก็คนที่เขาทำไม่ดีกับเรา คนที่เราทำไม่ดีกับเขา หรือเจ้ากรรมนายเวรน่ะลูก”
“เจ้ากรรมนายเวรมีจริงหรือคะ?”
แปลกบอกลูกสาวว่ามีจริง แต่ที่น่ากลัวไม่ใช่เจ้ากรรมนายเวรที่เป็นผี แต่เป็นเจ้ากรรมนายเวรที่เป็นคนต่างหาก!
ooooooo
ณ ห้องประชุมโรงแรมแห่งหนึ่ง...เจนภพ ผู้อำนวยการประจำกระทรวงกล่าวปิดงานสัมมนาบนเวที... ใบหน้าหล่อเหลาและดวงตาเป็นประกายของหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบยังดูดี ดึงดูดให้ผู้เข้าร่วมสัมมนา ทั้งสาวน้อยสาวใหญ่มองดูอย่างเคลิบเคลิ้ม...โดยเฉพาะ วิมาลา ข้าราชการสาวในชุดขาวเกล้ามวยสวมแว่นราวกับแม่ชีที่นั่งอยู่ด้านในสุด...
ขณะเดียวกันบนถนนต่างจังหวัด...นพนภา ภรรยาของเจนภพ สาวใหญ่วัยสามสิบตอนปลายบึ่งรถมากับเนตรนภิศ น้องสาวที่นั่งตัวเกร็งอยู่ข้างๆ เนตรนภิศติงพี่สาว รีบไปก็เท่านั้นเพราะงานสัมมนาเลิกตอนเย็น เสียเวลารอ
“เสียเวลาก็ดีกว่าเสียผัว เขาเรียกใช้เวลาคุณภาพย่ะ แกเองน่ะแหละ ไม่เห็นจะดูแลผัวแกเลย”
เนตรนภิศยิ้มภาคภูมิใจ “คุณอมรเป็นสามีในโอวาทคะ ไม่เจ้าชู้เลย ไม่เห็นเหมือนพี่ภพผัวพี่”
“ไม่จริงย่ะ ภพไม่มีเรื่องกะอีพวกดอกส้มดอกชมพูมาเกือบปีแล้ว”
เนตรนภิศแขวะว่าคงจะไม่มีให้เห็นมากกว่าเพราะนพนภาวางสายสืบไว้ทั่วกระทรวง “ถ้าพี่นภาเผลอ หรือว่าสายลับพี่ทำงานหย่อนยานล่ะก็...พี่ภพต้องก่อวีรกามขึ้นมาอีกแน่ๆค่ะ”
นพนภาโกรธพาลเหยียบคันเร่งหนักขึ้น “แกอย่ามาเสี้ยม นังนภิศ ฉันเชื่อใจผัวฉัน”
ที่ล็อบบี้โรงแรม...วีกิจ หนุ่มหล่อวัย 26 ปี ท่าทางสุภาพแสนดียืนอยู่กับประสิทธิ์ชัย เพื่อนสนิทที่กระทรวง นพนภาเดินฉับๆเข้าไปทัก วีกิจบอกว่างานสัมมนาเลิกแล้ว นพนภางงเพราะเจนภพบอกว่างานเลิกตอนเย็น แจงจิต เลขาใหญ่ของเจนภพและลูกน้องสาวๆ คือ อรพิม ทิพอาภา และปริม เดินมาสมทบพอดี โดนนพนภาซัก
“ตามกำหนดการน่ะเลิกเย็นค่ะ แต่เป็นที่รู้กันว่าสัมมนาวันสุดท้ายเป็นวันช็อปปิ้งค่ะ” แจงจิตตอบตามตรง
“เออดี แค่เช้าชามเย็นชามยังไม่พอ”
บรรดาข้าราชการหน้าม้านไปตามๆกัน เนตรนภิศเดินมาสมทบพอดี นพนภาถามหาเจนภพ ลูกน้องสาวรายงานว่าอยู่บนห้องพัก เนตรนภิศสังหรณ์ได้ถึงบางอย่าง เร่งพี่สาวให้ขึ้นไปดู นพนภารีบเดินและกดมือถือหาเจนภพไปด้วยแต่เขาปิดมือถือ
“ดีแล้วค่ะ พี่นภาจะโทร.ไปให้รู้ตัวก่อนทำไม?” เนตรนภิศได้โอกาสเสี้ยม
นพนภาเห็นด้วยและยิ่งของขึ้น ผลุนผลันนำน้องสาวขึ้นไปบนห้องของเจนภพ
ooooooo
ภายในห้องพัก...เจนภพนอนเปลือยอก มีวิมาลานอนซบอยู่ วิมาลากระเง้ากระงอดว่าเบื่อที่ต้องเจอกันแบบหลบๆซ่อนๆ เจนภพยิ้มเหยียดไม่สนใจเพราะทุกนางก็พูดแบบนี้ เขาปลอบให้ใจเย็นๆ เพราะนพนภามีสายเยอะ
“วิไม่อยากแต่งตัวเป็นแม่ชีอีกแล้ว วิไม่อยากใส่แว่น ไม่อยากเกล้ามวย...วิอยากใส่บิ๊กอาย”
“ไม่เหมือนแม่ชีซักหน่อย...เหมือนบรรณารักษ์ในหนังเอวีต่างหาก”
วิมาลาเขิน เสียงเคาะประตูดังขึ้น เจนภพไปดูที่ตาแมวแล้วตาเหลือกเห็นเมียขี้หึงยืนหน้าถมึงทึง เขากลับกระซิบบอกวิมาลา พริบตานั้นเองสาวเจ้าก็กระโจนพรวดไปยืนเก้กังบนเตียง ส่วนเจนภพวุ่นวายหาทางทำลายร่องรอย
นพนภาตบประตูเปรี้ยงๆ แต่เจนภพก็ยังไม่ออกมาเปิด นพนภาเริ่มสงสัย ส่วนเนตรนภิศลอบยิ้มอย่างสะใจที่ลางสังหรณ์มีเค้าว่าจะเป็นจริง
ประตูเปิดออก เจนภพในชุดเสื้อกางเกงเรียบร้อย ทำท่าเพิ่งตื่น เนียนทักนพนภาว่ามาถึงเร็ว ตนขึ้นมาพัก แล้วเผลอหลับไป นพนภาเชื่อบทที่เจนภพตีแตกสนิทใจแต่เนตรนภิศไม่เชื่อแกล้งขอใช้ห้องน้ำในห้อง เจนภพออกพิรุธบอกปัดให้ไปใช้ห้องน้ำที่ห้องอาหารแทน นพนภาสะกิดใจแทรกตัวเข้าไปในห้องทันที
นพนภาสำรวจร่องรอยในห้องแต่ไม่พบอะไร เจนภพแอบยิ้มโล่งอก เนตรนภิศออกจากห้องน้ำบอกว่าไม่เจออะไรเช่นกัน นพนภาผ่อนคลายลง เดินมาเกาะแขนสามีอย่างรักใคร่ ชวนไปกินข้าว เจนภพยิ่งโล่ง ทำงอนกลบเกลื่อนพูดประชดให้สำรวจห้องจับผิดต่อ นพนภาเสมองไปที่ซอกคอสามีเห็นรอยเล็บเลยของขึ้นอีกครา
เจนภพรีบตะปบปิดรอยที่คอแล้วอ้างว่า เมื่อวานแรลลี่หาอาร์ซีโดนกิ่งไม้เกี่ยว นพนภาตาขวาง กระชากเสื้อเจนภพขาดกระดุมกระจายเพื่อหาร่องรอย เจนภพตกใจเบี่ยงตัวหลบไปมา
“ไม่ต้องหาแล้วค่ะพี่นภา หนูเจออาร์ซีแล้ว” เนตรนภิศพูดพลางชูบราเซียร์ลูกไม้สีแดงขึ้น
นพนภากรี๊ดสนั่น “อีหน้าด้าน นี่แรลลี่กันไปกี่ด่านแล้วล่ะ!!”
เจนภพตกใจสุดขีดที่ความแตก นพนภาวิ่งหา เจ้าของบรารอบห้องแต่ไม่เจอ...นึกขึ้นได้เดินไปเปิดประตูกระจกบานเลื่อนออกไปที่ระเบียง เจนภพหน้าซีดกว่าเดิมก้าวตามมา
วิมาลายืนเขย่งตัวลีบแนบกับตัวตึกหลบนพนภาบนระเบียงห้องพัก แต่เพราะหน้าอกขนาดคัพดียื่นออกมาและเสียงเอะอะจากแขกของโรงแรมด้านล่างทำให้นพนภาเห็นเข้าจนได้ วิมาลาตะเกียกตะกายหนี นพนภาไต่ตามอย่างไม่ลดละ เจนภพมัวแต่อึ้งคว้าตัวเมียไว้ไม่ทัน
วิมาลาวิ่งออกจากลิฟต์ที่ล็อบบี้โรงแรม นพนภาตามมาจิกผมลากไปตบสั่งสอน วิมาลาฮึดสู้หันไปตอบโต้ ทั้งคู่ยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมา ประตูลิฟต์อีกตัวเปิดออก เจนภพและเนตรนภิศตามมาห้ามทัพแต่หวิดจะโดนลูกหลงแทน วีกิจยืนอยู่กับคนอื่นๆจากกระทรวง เข้าช่วยล็อกตัววิมาลา เจนภพล็อกตัวนพนภา ทั้งสองถูกจับแยกอย่างทุลักทุเล กลายเป็นอาหารสายตาให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้าเช็กอินชื่นชมแบบอะเมซิ่งไทยแลนด์...
วีกิจจอดรถหน้าบ้านหลังเล็กอายุราว 40 ปี ปลูกอยู่หลังบ้านใหญ่หรูหราของเจนภพและนพนภา สร้อยคำ มารดายังสาวของวีกิจออกมายืนรอรับและถามถึงงาน สัมมนา
“มันก็แค่ยกกองไปเที่ยวให้เปลืองงบหลวงเท่านั้นแหละครับ”
“แน่ใจหรือ แม่ได้ข่าวว่าอานภาไปจัดรีวิวปิดสัมมนาให้อาภพแกซะโลกลือเลยไม่ใช่หรือ”
วีกิจเกือบสำลัก สร้อยคำซักไซ้ลูกชายเป็นการใหญ่เพราะอยากรู้เรื่องชู้รักคนใหม่ของเจนภพ วีกิจจำใจเล่าเรื่องวิมาลาให้ฟังว่าแท้จริงแล้วลักลอบเป็นชู้กับเจนภพมาเกือบปี เจนภพออกไอเดียให้หล่อนปลอมตัวเป็นลูกน้องในแผนก แสร้งทำตัวเคร่งศีลธรรม ชอบเข้าวัดและทำบุญเพื่อหลอกนพนภาและคนทั้งกระทรวง
“นี่มันคู่เวรคู่กรรมจริงๆ ผัวก็เจ้าชู้เกินมนุษย์ เมียก็หึงไม่ลืมหูลืมตาแบบนี้” สร้อยคำพูดปลงๆ
วีกิจแซวว่าสงสัยจะอยู่ในดีเอ็นเอ สร้อยคำย้อนว่าน้ากับหลานคงไม่ต่างกัน วีกิจเก็กหล่อและบอกแม่ว่า หล่อเลือกได้ สร้อยคำค้อนขวับแล้วว่าเลือกให้ดีละกัน
ooooooo
ลัดดาจัดงานเลี้ยงที่บ้าน...เธอคุยอวดแปลกและพิณเรื่องรินลดา ลูกสาวที่เรียนไม่สูงแต่ทำงาน เก็บเงินสร้างบ้านให้แม่ได้ พิณไม่ยอมน้อยหน้าอวดเรื่องมุนินทร์ว่ากำลังจะจบโทจากเมืองนอก จบแล้วก็ได้งาน ได้เงินเดือนเรือนแสน แปลกนั่งฟังเซ็งๆ ส่วนมุตตาได้ยินแล้วน้อยใจเดินเลี่ยงออกไปยังศาลากลางสวนเงียบๆ...
มุตตาเจอหมอบี หนุ่มเชื้อสายจีนเพื่อนสมัยเด็กของมุตตาและมุนินทร์ หมอบีถามถึงมุนินทร์ มุตตาทำหน้าเมื่อยบอกว่าไม่ค่อยรู้เรื่องพี่สาว หมอบียิ้มๆ
ถามว่ายังทะเลาะกันอีกหรือ พอเธอปฏิเสธเขาเปลี่ยนเรื่องบอกว่าตนจะไปเรียนเพิ่มเติมที่อังกฤษ มุตตาอิจฉาหมอบีที่ได้ไปเมืองนอก
รินลดาในชุดสวยเดินเข้ามาพอดี “สองคนนี่มาทำอะไรตรงนี้ ถ่านไฟเก่าคุหรือไง”
“ถ่านไฟเก่าอะไร เราไม่ใช่สเป็กตาหรอก” หมอบีย้อนขำๆ
มุตตาเศร้าลงวูบหนึ่งแล้วแสร้งว่ากำลังนินทารินลดาที่สวยขึ้นกลายเป็นสาวไฮโซ
ห้องโถงบ้านมุตตา...พิณนินทาลัดดาว่าอวดรวย ไม่เข้าท่า แปลกนั่งฟังเมียอย่างเซ็งๆ มุตตาถือจดหมาย สีหน้าตื่นเต้นเข้ามาได้ยินถึงชะงัก พิณเห็นเข้าเลยเรียกมาเหน็บว่าเรียนก็สูงกว่า สวยก็สวยกว่า แต่หาเงินสู้รินลดา ไม่ได้ แปลกมองลูกอย่างสงสาร พิณบอกว่า มุนินทร์โทร. มาว่าจะซื้อที่ทำไร่ดอกไม้เพิ่ม ให้มุตตาไปขอข้อมูลจาก เกษตรจังหวัด
“ตกลงพี่นินจะให้หนูหมกอยู่ในไร่ตลอดไปเลยใช่ไหมคะ” มุตตาแววตากร้าวขึ้นและเสียงแข็งกว่าปกติ “หนูเพิ่งได้จดหมายจาก ก.พ. ค่ะ ว่ามีตำแหน่งว่างให้หนูไปรายงานตัวที่กรุงเทพฯ”
แปลกยินดีกับลูกสาว พิณติงว่าเป็นข้าราชการเงิน เดือนน้อยไม่พอกิน แล้วเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวไม่ปลอดภัย มุตตาไม่สนใจยืนยันจะไป ถ้ามุนินทร์อยู่คนเดียวที่ เมืองนอกได้ เธอก็ต้องอยู่คนเดียวที่กรุงเทพฯได้...
ooooooo
หอพักหญิงในกรุงเทพฯ...มุตตา แปลก และพิณเดินดูรอบห้องและเช็กความปลอดภัย มุตตาบอกว่า ชอบที่นี่ แม้ค่าเช่าจะแพงไปนิดแต่ปลอดภัยและเดินทางสะดวก มุตตาสัญญากับพ่อและแม่ว่าจะระวังตัวให้ดี
“ระวังแค่ภายนอกมันไม่พอนะลูก ต้องระวังใจเราด้วย” แปลกบอกยิ้มๆ
พิณงงกับคำพูดของสามี มุตตาพยักหน้าแกนๆ ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักเพราะกำลังตื่นเต้นที่จะมีอิสระ
วันรุ่งขึ้น...ฤดี หญิงวัยกลางคนเจ้าของหอพักคุยกับศรี พนักงานทำความสะอาดประจำหอพักและพร สาวใหญ่วัยสามสิบที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกและแต่งตัวเหมือนทำงานกลางคืน มุตตาหน้าตาสดใสลงมาจากห้องพอดี ฤดีทักว่าแต่งตัวสวย มุตตายิ้มเขินบอกว่าออกแต่เช้าเพราะทำงานวันแรก มุตตาออกไปแล้ว สามนางมองตามเคลิ้มในความน่ารัก
ooooooo
หน้ากระทรวง...วีกิจขับรถเข้ามาใกล้ประตูทางเข้า จอดตรงทางม้าลายให้คนข้าม มุตตาลงมาจากรถประจำทางพอดี เขาเผลอมองตามอย่างสนใจจนโดนรถคันหลังบีบแตรไล่ เขาสะดุ้งรีบออกรถ หันมา อีกที มุตตาก็หายไปแล้ว
วีกิจเดินเข้ามาที่แผนกพร้อมกับประสิทธิ์ชัย วีกิจเล่าเรื่องสาวสวยปริศนาที่เขาเจอหน้ากระทรวงให้เพื่อนฟังแล้วสองหนุ่มก็ตาค้าง เมื่อเธอคนนั้นเดินเข้ามาทักถาม
“ขอโทษค่ะ ดิฉันหาฝ่ายบุคคลไม่เจอ”
วีกิจลุกพรวดกุลีกุจอพาเธอออกไป มุตตายิ้มรับขอบใจ ประสิทธิ์ชัยงงแต่ก็ขันในท่าทางของเพื่อน ปริม ตาขวางหมั่นไส้สาวหน้าหวานที่เรียกคะแนนความสนใจจากหนุ่มในดวงใจ
วีกิจและประสิทธิ์ชัยเจอมุตตาอีกครั้งที่โรงอาหารตอนพักกลางวันพร้อมกับอรพิมและทิพอาภา เพื่อน ร่วมแผนกของมุตตา แม้มุตตาจะระวังตัวแต่ก็เริ่มพูดคุยและทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมงานมากขึ้น ทุกคนได้รู้ว่ามุตตามีไร่ดอกไม้อยู่ที่เพชรบูรณ์ และมุตตาก็ได้รู้ว่าวีกิจเป็นหลานแท้ๆของเจนภพ เจ้านายโดยตรงของแผนกตนเอง
“ตอนนี้ ผอ. เราไปดูงานที่ญี่ปุ่น 2 อาทิตย์” ทิพอาภาเอ่ยขึ้น...อรพิมเม้าท์ต่อทันทีว่าสงสัยป่านนี้คลี่กิโมโนเพลินไปแล้ว
“คงไม่มีโอกาสหรอกครับ อานภาตามไปคุมแบบไม่ให้คลาดสายตาเลย” วีกิจแย้งขำๆ
ปริมเข้ามาขอนั่งด้วยแต่ไม่มีใครขยับที่ให้ ซ้ำยังเรียกแจงจิตมานั่งแทน ปริมต้องไปนั่งคนเดียวหันมามองมุตตาตาขวางด้วยความริษยา
วีกิจและประสิทธิ์ชัยเดินมาที่ลานจอดรถด้วยกันตอนเลิกงาน ประสิทธิ์ชัยยุวีกิจให้เริ่มจีบมุตตา วีกิจเขินบอกว่าค่อยเป็นค่อยไป ครั้นเพื่อนแหย่ว่าถ้าช้าจะแย่งจีบ วีกิจชะงักรีบห้ามเพราะกลัวมุตตาโดนหลอกให้ช้ำใจเหมือนสาวคนอื่นของเพื่อน ประสิทธิ์ชัยเฉลยว่าล้อเล่นแล้วชวนวีกิจไปดื่ม วีกิจบอกว่าจะกลับบ้านไปหาแม่ เลยโดนแซวว่าเป็นลูกแหง่ แต่วีกิจไม่สนใจขึ้นรถกลับบ้านไป...
ooooooo
มุตตาเพลิดเพลินกับชีวิตใหม่แสนอิสระ ความใฝ่ฝันแสนหวานที่จะหลุดออกจากไร่และเงาของมุนินทร์ใกล้เป็นจริง
จากการพูดคุยและท่าทีของวีกิจทำให้มุตตารู้ว่าเขามีความรู้สึกดีๆด้วย เธอไม่ได้ปิดตัวเองทำให้ความสัมพันธ์พัฒนาจนสนิทสนมกันขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ยังมีระยะห่างแบบเพื่อนมากกว่าคนรัก
ด้วยมิตรไมตรีและท่าทีแสนสุภาพของวีกิจทำให้มุตตารู้สึกไว้วางใจที่จะไปไหนมาไหนกับเขา...เย็นวันหนึ่ง ทั้งคู่ไปเดินดูของที่ศูนย์การค้า เขาชวนเธอทานข้าวและชวนคุยเรื่องสัพเพเหระเพื่อให้รู้จักตัวตนของกันและกันมากขึ้น มุตตาได้ความรู้ใหม่เกี่ยวกับวีกิจว่าเขาเป็น
ลูกชายคนเดียว พ่อเสียชีวิตตั้งแต่เขายังเด็กทำให้สนิทกับแม่เป็นพิเศษ เขาชื่นชมในความแกร่งของแม่มากที่เลี้ยงเขามาด้วยตัวคนเดียว เขามักจะเป็นลูกมือทำอาหารกับแม่บ่อยๆ มุตตาฟังแล้วรู้สึกน้อยใจเมื่อนึกย้อนถึงเรื่องตัวเอง อิจฉาที่ตนไม่ค่อยสนิทกับแม่นัก ออกจะเป็นลูกชังซะมากกว่า...
“ดูคุณสนิทกับแม่จังเลยนะคะ น่าอิจฉาจัง”
“แล้วคุณตาไม่สนิทกับคุณแม่หรือครับ”
“ฉันไม่ใช่ลูกคนโปรดค่ะ แม่ค่อนบ่อยๆว่าตาน่ะ ไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง”
วีกิจยิ้มปลอบใจ เปลี่ยนเรื่องชวนให้รีบทานอาหาร จะได้ทันรอบหนังที่จองไว้
ที่หน้าร้านปริมมากับเพื่อน เห็นมุตตากับวีกิจแล้วสะเทือนใจ มองทั้งคู่ด้วยความริษยา
ค่ำนั้นวีกิจมาส่งมุตตาที่หอพัก เขาแวะเข้ามาพูดคุยกับเธอที่โซฟารับแขกชั้นล่าง ศรีนำน้ำมาเสิร์ฟและลอบมองชายหนุ่มเคลิ้มในความหล่อ วีกิจเขิน ขอตัวกลับและบอกมุตตาว่าจะมารับไปทำงานด้วยกันตอนเช้า เธอขอบคุณและเดินไปส่งเขาที่ประตู พรกลับเข้ามาพอดีมองตามวีกิจตาลอย มุตตากลับขึ้นห้องไปแล้ว บรรดาสาวใหญ่ขาเม้าท์ประจำหออย่างฤดี พร และศรี เม้าท์มุตตากันใหญ่ว่าเพิ่งมาอยู่ไม่นานเริ่มมีผู้ชายมาส่งแล้ว...
ooooooo
วีกิจได้มาเที่ยวทะเลกับมุตตาโดยบังเอิญเพราะประสิทธิ์ชัยอกหักโดนสาวน้อยในสังกัดสลัดรักอยากหลบไปเลียแผลใจที่ชายทะเล แม้จะมีเพื่อนๆที่กระทรวงอย่างอรพิมและทิพอาภาตามมาด้วยแต่ก็ไม่ได้ทำให้งานกร่อย แต่วีกิจกลับได้รู้จักมุตตามากขึ้นด้วย
ชายทะเลยามเย็น...ขณะที่ทุกคนปาร์ตี้บาร์บิคิวอาหารทะเลอย่างสนุกสนาน มุตตาแยกจากกลุ่มไปเดินเล่นเงียบๆ วีกิจลุกตาม เห็นเธอยืนเหม่อมองทะเลเศร้าๆ
“รู้ไหมคะว่าตาไม่ค่อยได้มาเที่ยวแบบนี้เลย...บ้านตาไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่ก่อนยิ่งแย่ เราลืมตาอ้าปากได้ ก็เพราะพี่สาวตาไปทำงานที่อเมริกา เขาส่งตาเรียนและซื้อไร่ดอกไม้ให้พ่อ”
วีกิจเพิ่งรู้ว่ามุตตามีพี่สาว เขาเดาว่าคงจะสวยเหมือนกับเธอ
“ไม่ค่ะ เขาไม่เหมือนตาเลยสักนิด เขาทั้งเก่ง ฉลาด และดีไปหมดทุกอย่าง นี่เขาจบโทแล้วนะคะ อาจจะต่อเอกด้วยซ้ำ”
“คนเราจะให้เก่งเหมือนกันได้ยังไงล่ะครับ ก็ต้องมีดีและแย่กันทุกคน คุณตาอาจจะมีอะไรที่พี่สาวคุณไม่มีก็ได้”
“ขอบคุณค่ะที่ทำให้ตาสบายใจขึ้น”
วีกิจยิ้มรับและพามุตตากลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ
วีกิจกลับจากทะเล แล่นรถเข้าประตูบ้าน ผ่านบ้านของเจนภพเห็นผู้คนขวักไขว่เร่งทำความสะอาดเวลาดึกๆ ดื่นๆ อดแปลกใจไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้นฮะแม่ ถึงได้มีมหกรรมขนาดนั้น” เขาถามสร้อยคำทันทีที่เดินเข้าบ้าน
สร้อยคำเล่าให้ฟังขำๆ ว่านพนภามัวแต่ตามติดสามีไปญี่ปุ่นจนลืมนัดสัมภาษณ์กับนิตยสาร พอนึกขึ้นได้ก็ลุกขึ้นมาทำความสะอาดบ้านจัดสวนกลางดึกกันยกใหญ่
“งั้นพรุ่งนี้ก็มีรายการสร้างภาพอีกแล้วสิฮะ”
“ว่าแต่เราเถอะ จะไปช่วยเขาสร้างภาพด้วยไหมล่ะ”
“ให้อาภพกับอานภาเป็นพระเอกนางเอกเถอะฮะ เดี๋ยวผมจะไปแย่งซีนเปล่าๆ”
สร้อยคำฟังลูกชายแล้วยิ้มอย่างรู้กัน
ooooooo
วันรุ่งขึ้น ทุกอย่างในบ้านเจนภพถูกปรับและจัดใหม่อย่างหรูหราด้วยของมีค่าจนดูแน่นไปหมดเพื่อเตรียมสัมภาษณ์ออกสื่อ เจนภพและนพนภานั่งยิ้มอยู่ที่ชุดรับแขกหลุยส์ พร้อมด้วย ต้อง ลูกสาวคนโตวัยสิบหกหน้าตาสวยในชุดกระโปรงยาวดูหวานไปทั้งตัว...ต่อ ลูกชายวัยสิบห้าหน้าตาหล่อเหลา สูงใหญ่เหมือนนักกีฬาแต่แอบติดสำอาง และต้อม ลูกสาวคนเล็กวัยเจ็ดขวบหน้าตาน่ารักแต่ไม่ยอมพูดจากับใคร
“ครอบครัวเรามีห้าคน พ่อแม่ลูกค่ะ คุณเจนภพเป็นผู้อำนวยการกองในกระทรวง เป็นข้าราชการตัวเล็กๆค่ะ ส่วน ดิฉันทำธุรกิจด้านอสังหาเล็กๆน้อยๆ แค่พอค่ากับข้าวค่ะ”
ทีมงานจากนิตยสารฟังนพนภาพูดถึงครอบครัวแสนสุขอย่างเคลิบเคลิ้ม คงมีแต่คุณนภางค์แม่ของนพนภาและเนตรนภิศที่ยืนฟังฉากสร้างภาพครอบครัวอบอุ่นจนร้อนของนพนภาอย่างปลงๆ ในขณะที่แต้วสาวใช้กับยายแหวงแม่ครัววัยกลางคนที่คอยตามดูการถ่ายทำอยู่ด้วยก็แอบนินทากันปากเป็นมัน โดยเฉพาะเรื่องไม่ดีไม่งามของนพนภาที่ท้องก่อนจะเรียนจบมหาวิทยาลัย แล้วทำให้คนเป็นพ่อเสียใจจนเส้นเลือดในสมองแตกตาย
จากในบ้านนพนภาย้ายไปถ่ายที่ศาลากลางสวนสวย สะพรั่งไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ ต้องในชุดหวานกำลังโชว์การจัดดอกไม้ โดยมีคุณแม่คอยบรรยายโอ้อวดอย่างภาคภูมิใจ
“ยายต้องลูกสาวคนโตค่ะ เรียนเก่งเหมือนคุณภพ ตอนจบ ม.3 ได้เกรด 4 เต็มค่ะ”
“แต่พอขึ้น ม.4 เกรดตกเป็น 1.5 ไม่ยักกะพูดนะคะ” เนตรนภิศแขวะพี่สาวให้แม่ฟัง
“เขาเรียกว่าเข้าใจพูดต่างหากล่ะ พูดจริงครึ่งเดียวไม่ถือว่าตอแหล” คุณนภางค์รีบแก้ต่างให้ลูกสาวคนโต
อีกด้านที่โรงยิม เจนภพและต่ออยู่ในชุดกีฬาออกกำลังกายกันเหงื่อท่วมตัว นพนภาเชิญทีมงานเข้ามาและหันมาโปรโมตลูกชายคนรอง
“ส่วนตาต่อชอบเล่นกีฬาเหมือนพ่อค่ะ เป็นคู่หูกันสนิทกันที่สุด เป็นนักกีฬาโรงเรียนด้วย รูปหล่อเสียจนสาวๆ กดไลค์ให้เป็นพันๆ แต่เขาขี้อายค่ะ ยังไม่กล้าจีบสาวคนไหนเลย”
“จีบไม่เป็นล่ะมั้ง เพราะที่คุยอยู่น่ะมีแต่เพื่อนชาย” แต้วเปรยกับยายแหวงปลงๆ
ต่อจากนั้นนพนภาพาทีมงานย้อนกลับไปในบ้าน ต้อมนั่งยิ้มหวานจนแลดูคล้ายเด็กปัญญาอ่อนที่ห้องนั่งเล่น ตรงหน้ามีกองชุดเลโก้ประกอบแล้วบางส่วนวางอยู่
“แล้วนี่ก็ยายต้อมลูกหลงค่ะ พี่ๆเขารักน้องมาก ยายต้อมนี่มีความคิดสร้างสรรค์นะคะ โตขึ้นอาจจะได้เป็นสถาปนิกเอกก็ได้ค่ะ” นพนภาอวดลูกสาวคนเล็ก
“แต่แกเงียบจังนะคะ เหมือนโดนวางยาเลย” หนึ่งในทีมงานตั้งข้อสงสัย
“แกเพิ่งกินยาแก้หวัดเข้าไปน่ะค่ะ” นพนภาแก้ตัวแบบแกนๆ
หลังจากนั้นทีมงานหันไปสัมภาษณ์คุณนภางค์ต่อ เกี่ยวกับครอบครัวของลูกสาวทั้งสอง
“คู่นภากับภพ ตอนที่เขารักกัน ผู้ใหญ่ทั้งสองตระกูลก็เห็นว่าเหมาะสมกันเหลือเกินค่ะ ทั้งฐานะและชาติตระกูล”
ต่อและต้องแอบทำหน้าเมื่อยที่ยายร่วมขบวนการสร้างภาพกับแม่ด้วย
“ส่วนคู่ยายนภิศ คุณอมรเขาก็เป็นคนอบอุ่นค่ะ ทำธุรกิจส่งออกมั่นคงมาก เสียแต่ยังไม่มีหลานน่ะค่ะ”
สมควรแก่เวลา นพนภาเดินมาส่งทีมงานนิตยสารที่หน้าบ้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แล้วก็ต้องหุบยิ้มและร้องกรี๊ดเมื่อเดินกลับเข้าบ้านไปเจอความวุ่นวายของลูกๆ ทั้งสามคน
ต้องยืนถอดกระโปรงยาวและกระชากเสื้อตัวนอกออกกลางห้องโถง เหลือกางเกงยีนส์สั้นจู๋และเสื้อยืดรัดติ้วนพนภาพยายามห้ามแต่ต้องไม่สนใจ โทร.หาเพื่อนแล้วออกจากบ้านไป ต่อวุ่นอยู่กับการส่องกระจกลบเครื่องสำอางที่ทีมงานแต่งให้ บ่นกระปอดกระแปดว่าแต่งหน้าเหมือนคณะลิเก ส่วนต้อมลุกขึ้นมาร้องกรี๊ดและอาละวาดทำลายข้าวของอย่างบ้าคลั่ง ควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่เหมือนกับตอนที่อยู่ต่อหน้าทีมงาน เพราะยาบางอย่างที่ต้องกินประจำหมดฤทธิ์ นพนภาวิ่งตามลูกจนหมดแรง ต่างจากเจนภพที่ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับลูกๆเลย เขาเดินมาบอกเมียหน้าตาเฉยว่าจะไปออกรอบกับสรรค์เพื่อนสนิท
“นัดคุณสรรค์หรือนัดนังแคดดี้ กะจะตีกันกี่หลุมล่ะ อย่าให้รู้นะว่ามีหลุมที่สิบเก้า”
“พูดอะไรน่ะคุณ คุณแอ๋วก็ไปด้วย ของฝากคุณแอ๋ว อยู่ไหนล่ะ จะได้เอาไปเลย”
นพนภาเบาใจที่รู้ว่าแอ๋ว ภรรยาของสรรค์ไปด้วย หล่อนใช้ให้เด็กไปเอาของแล้วนั่งลงบนโซฟาหมดสภาพเจนภพนั่งข้างๆ ลูบไล้แขนเอาใจเมีย “โธ่เอ๋ยนภา กลับมาแทนที่จะได้พักผ่อน ต้องมาสัมภาษณ์อะไรก็ไม่รู้”
“คุณก็รู้ว่ามีสื่อให้ออก มันไม่ได้ดีแค่ธุรกิจฉัน มันดีกับตำแหน่งคุณด้วย”
“ผมรู้จ้ะว่าคุณทำทุกอย่างเพื่อผม เพื่อลูกๆ คุณคือเมียที่ประเสริฐที่สุด” เจนภพก้มจะจูบให้รางวัล
นพนภายิ้มหน้าบาน ท่าทีขวยเขิน ค้อนสามีตาเชื่อม
ooooooo
ที่ศาลากลางสวนบ้านเจนภพ...นภางค์และเนตรนภิศนั่งจิบชากินของว่างยามบ่าย นพนภาเดินหน้าผ่องเข้ามาสบทบแม่และน้อง เนตรนภิศถามถึงทริปญี่ปุ่น นพนภาตาหวานฉ่ำอวดน้องสาวว่าหวานเหมือนไปฮันนีมูนรอบสอง
“ก็ใช่น่ะสิยะ เพิ่งเกิดเรื่องกับนังอุบาสิกาเคร่งศีลนั่นมาหยกๆ ก็ต้องมาทำดีกับแกไถ่โทษสิ” นภางค์แขวะ
“นี่ภพเขาสาบานกับพระพุทธรูปไดบุตสุกับหนูแล้วนะคะ ว่าจะเลิกนิสัยเจ้าชู้ให้หนูต้องเดือดร้อนอีก”
“แม่นภา แม่คนซื่อ ผัวแกน่ะมันสาบานมาจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่รับแล้ว” นภางค์ไม่เชื่อว่าเจนภพจะเลิกเจ้าชู้ได้
นพนภาเชื่อว่าสามีน่าจะเลิกได้เพราะอายุที่มากขึ้น นภางค์ส่ายหน้าปลงๆที่ลูกสาวคนโตยังหลงสามีจนโงหัวไม่ขึ้น เนตรนภิศเผลอหลุดปากชมเจนภพว่ายังดูดีหน้าอ่อนกว่าอายุ นพนภาหันขวับทำตาเขียวใส่น้องสาวเพราะพิษรักแรงหึง
“พี่นภา หนูไม่ใช่น้องเมียในตำนานนะคะ ผัวหนูทั้งหล่อทั้งแสนดี อย่างพี่ภพหนูไม่รับประทานหรอกค่ะ”
นพนภาโกรธที่โดนน้องสาวย้อน นภางค์เห็นด้วยกับเนตรนภิศ แม้อมรจะไม่มีอะไรเทียบกับเจนภพได้ แต่อย่างน้อยก็ไม่เจ้าชู้ นับเป็นเรื่องเดียวที่เนตรนภิศมีดีกว่าพี่สาว นพนภาฟังแล้วยิ้มหยันดูถูกเพราะคิดว่าอมรเป็นแค่มนุษย์เงินเดือน ไม่เห็นมีอะไรดี เทียบกับเจนภพแล้วทิ้งกันไม่เห็นฝุ่น...
ขณะเดียวกันที่บ้านสรรค์...เจนภพนอนเล่นบนสนามหญ้ากับสรรค์ เพื่อนนักธุรกิจใหญ่ มีเบียร์และกับแกล้ม อยู่ข้างๆ สรรค์ถามถึงทริปญี่ปุ่น เจนภพทำหน้าเบื่อหน่าย บอกว่าไม่ได้ขยับไปไหนเลยเพราะนพนภาตามประกบแจ เจนภพหยิบถุงข้างตัวมาส่งให้บอกว่าเป็นของฝาก สรรค์หยิบดีวีดีในถุงมาดูเห็นหน้าปกแล้วยิ้มแป้น
“นี่มันอะไร?” แอ๋วพรวดพราดเข้ามาดึงแผ่นดีวีดีจากมือสามี
“สารคดีจ้ะ เรื่องการทารุณกรรมในเด็กและสตรี” สรรค์ตอบหน้าปูเลี่ยนๆ
“มิน่า โซ่ แส้ กุญแจมือ และเทียนลนมีพร้อมหมด ดี...เดี๋ยวคืนนี้จะได้ดูสารคดีกัน”
สรรค์ทำหน้าเซ็งสุดขีด เจนภพหัวเราะและยื่นถุงของฝากจากญี่ปุ่นให้แอ๋ว แอ๋วขอบคุณและแอบถามถึงชู้รักคนล่าสุดที่โดนนพนภาตีซะกระเจิง เจนภพบอกว่าผู้หญิงคนนั้นลาออกไปแล้ว และตนก็จะเลิกเจ้าชู้ด้วย
แอ๋วไม่เชื่อแอบเหน็บ “กลัวว่าจะเก่าไป ก็มีใหม่มาอีกน่ะสิคะ”
ooooooo
รุ่งขึ้นที่ลานจอดรถกระทรวง...เจนภพนั่งเรียงเอกสารอยู่ภายในรถเมอซีเดสเบนซ์สีดำคันยาว รถวีกิจแล่นผ่านเข้ามา เจนภพเห็นสาวหน้าหวานแปลกหน้ายิ้มแย้มอยู่กับวีกิจในรถก็ถึงกับตะลึงราวกับต้องมนต์
มุตตาและวีกิจเดินผ่านลานจอดรถเข้ามาด้วยกัน มุตตาดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษจนวีกิจทัก เธอบอกว่าสงสัยจะเป็นเพราะได้ไปเที่ยว ทั้งคู่เดินผ่านรถของเจนภพ วีกิจบอกมุตตาว่าหัวหน้างานตัวจริงของเธอมาทำงานแล้ว มุตตาหยุดมองที่รถเจนภพแวบนึงแล้วรีบเดินตามวีกิจไป
มุตตากังวลเรื่องเจ้านายที่จะได้พบหน้ากันครั้งแรก เธอถามวีกิจเกี่ยวกับเจนภพเลยโดนเขาอำว่าเจนภพเป็น เจ้านายที่ใจร้าย เจ้าระเบียบ และชอบโวยวาย มุตตาเชื่อสนิทและทำท่ากลัวขึ้นมาจริงๆ วีกิจจึงหลุดหัวเราะออกมา
“คุณตา ผมล้อเล่น อาภพใจดีจะตายไปฮะ ลูกน้องรักทุกคน จะเสียก็มีเรื่องเดียวล่ะฮะ”
“เรื่องอะไรหรือคะ”
“นี่คุณตาไม่เคยได้ยินข่าวซุบซิบในกองเราเลยหรือฮะ”
มุตตาว่าไม่เคยได้ยินอะไร วีกิจจึงตัดสินใจไม่บอก...
มุตตานั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ เมื่อร่างสูงสง่าในสูทสีเข้มเดินเข้ามา เธอเงยหน้าขึ้นมองแล้วอึ้ง...เจนภพกล่าวสวัสดี มุตตายังจำหน้าเจ้านายตัวเองไม่ได้คิดว่าเขาเป็นแขกที่มาติดต่องาน เจนภพนึกสนุกเลยชวนคุยเรื่อยๆ กลั้นยิ้มเมื่อเห็นท่าทางประหม่าของเธอ เขาถอดแว่นกันแดดออกวางไว้บนโต๊ะ มุตตาเริ่มคลับคล้าย คลับคลาหน้าตาเจ้านายตัวเองจากบอร์ดรายชื่อผู้บังคับ บัญชาแต่ก็ยังนึกไม่ออก
แจงจิต อรพิม และทิพอาภาเดินเข้ามาพอดี ทั้งสามย่อตัวไหว้เจ้านาย ทักทายเสียงหวานจนมุตตานึกออกว่าเขาเป็นใคร
มุตตาลุกขึ้นยืนช้าๆ เบิกตากว้างหน้าแดง เจนภพหันมายิ้มให้อย่างเอ็นดู และรับไหว้เธอยิ้มๆ แล้วหันไปตามงานกับแจงจิต ก่อนเดินเข้าห้องประจำตำแหน่งไป มุตตาทรุดตัวลงนั่ง มองดูแว่นกันแดดบนโต๊ะตัวเองแล้วตัดสินใจนำไปคืนให้เจนภพในห้องทำงาน
“คุณมุตตาคงเห็นผมเป็นตาแก่หลงๆลืมๆ”
มุตตารีบบอกว่าไม่มีใครกล้าคิดแบบนั้นหรอก เจนภพมองมุตตาด้วยสายตาแบบผู้ใหญ่ใจดี ไม่มีแววเจ้าชู้โลมเลีย เขาชี้ไปที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน มุตตานั่งลง เจนภพชวนลูกน้องสาวคุยเรื่องสัพเพเหระเพื่อลดบรรยากาศตึงเครียดแต่ทำเอามุตตาหน้าแดง หัวใจเต้นระรัวเลยทีเดียว เจนภพพอใจกับอาการเขินของลูกน้องคนใหม่ เขาหยิบถุงช็อปปิ้งใบใหญ่และ
หยิบถุงของฝากเล็กๆในนั้นออกมายื่นให้ หล่อนไหว้ก่อนรับของมาพร้อมกล่าวขอบคุณ
“ผมเองก็ขอบคุณคุณมุตตา” เขาหยุดนิดนึงเมื่อเธอทำหน้างง “ที่เอาแว่นมาให้ผม และที่คุณมาทำงานที่นี่” เจนภพเริ่มหยอดแบบเบาๆ มุตตาเขินไม่กล้าสบตาเจ้านายหนุ่มใหญ่
เจนพบมองอาการเขินของมุตตายิ้มๆ “เดี๋ยวคุณมุตตาช่วยเรียกทุกคนมารับของฝากหน่อยนะครับ”
มุตตารับคำแล้วลุกออกไป เจนภพมองตามด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ...
ครู่ต่อมา ลูกน้องคนอื่นๆรีบลุกพรวดไปที่ห้องเจนภพเพื่อเอาของฝาก มุตตาอมยิ้มเปิดถุงเล็กๆนั้นออก เห็นเป็นเชือกผูกผมแต่งด้วยดอกไม้เล็กๆสีสันสดใส มุตตาถูกใจมากหยิบมาพันนิ้วเล่น
ooooooo
เย็นวันนั้น มุตตาและวีกิจกลับบ้านด้วยกันเช่นเคย ทั้งสองเดินพูดคุยอย่างสนิทสนมไปที่ลานจอดรถ โดยไม่รู้ว่าเจนภพมองตามพวกเขาไปด้วยแววตาหมายมาดบางอย่าง...
วีกิจกลับถึงบ้านด้วยท่าทีผ่อนคลาย เจนภพถือถุงของฝากมาวางไว้ที่โต๊ะสนาม วีกิจแปลกใจที่อาหนุ่มอยู่ติดบ้าน เจนภพแก้ตัวไปแกนๆว่าเบื่อเที่ยว วีกิจยิ้มไม่ติดใจอะไรตามประสาคนมองโลกในแง่ดี สร้อยคำยกของว่างออกมาพอดี เธอรับถุงของฝากจากเจนภพมาเปิดดู ยิ้มชอบใจพลางถามอาหลานว่ากำลังคุยเรื่องอะไร
“คุยเรื่องแฟนนายกิจเขาอยู่ครับ” เจนภพเข้าเรื่องที่ตัวเองอยากรู้แบบเนียนๆ “นายกิจเขาจีบสาวที่ทำงานอยู่ ใจคอแกจะไม่เล่าให้พี่สร้อยฟังเลยหรือ”
สร้อยคำตื่นเต้น เร่งลูกชายให้เล่าออกมาให้หมด วีกิจนั่งลงและมองค้อนเจนภพที่อมยิ้ม
“โธ่แม่ แค่เพื่อนที่ทำงาน เขาเพิ่งเข้ามาใหม่แล้วสนิทกันก็เท่านั้นเอง”
“สนิทกันแบบไหน แกชอบเขาแล้วใช่ไหม”
วีกิจยอมรับกับแม่ว่าชอบมุตตา เจนภพยืนฟังเก็บข้อมูลเงียบๆ พลางยิ้มในหน้าอย่างมีเลศนัย
ooooooo
เช้ารุ่งขึ้น...มุตตาแต่งตัวเสร็จแล้วหยิบเชือกผูกผมอันใหม่มาใช้ด้วยสีหน้ายิ้มๆ วีกิจโทร.เข้ามาบอกว่าเขามารอที่หน้าหอพักแล้ว มุตตารับทราบอย่างเนือยๆ ไม่มีท่าทีตื่นเต้น...
เจนภพแล่นรถผ่านหน้ากระทรวงเห็นมุตตายืนอยู่หน้าร้านดอกไม้ก็คิดแผนบางอย่างขึ้นมาได้ เขามาทักเธอ มองเชือกผูกผมยิ้มๆ แล้วบอกว่ามีเรื่องให้เธอช่วย
ทั้งสองเข้าไปในร้านดอกไม้ เจนภพสร้างเรื่องบอกมุตตาว่ามีเพื่อนขาหักเข้าโรงพยาบาล ให้เธอช่วยเลือกดอกไม้เยี่ยมและเขียนการ์ด มุตตาเดินไปเลือกดอกคาร์เนชั่นและจัดการเขียนการ์ด เจนภพแอบมองด้วยแววตากรุ้มกริ่ม จนเธอรู้ตัวเสหันไปมองลิลลี่ดอกใหญ่ เจนภพดูออกว่ามุตตาชอบจึงหาเรื่องซื้อให้ บอกว่าแทนคำขอบคุณที่ช่วยเหลือ...
มุตตาเดินถือดอกไม้กลับเข้าไปที่กระทรวง เจอกับวีกิจและประสิทธิ์ชัยระหว่างทาง ประสิทธิ์ชมว่าดอกไม้สวย และแอบแซววีกิจว่าคงจะมองอย่างอื่นสวยกว่า มุตตาเริ่มไม่พอใจนิดๆ แต่วีิกิจไม่ทันสังเกตเพราะมัวแต่เขิน ปริมเดินเข้ามาพอดี กระแนะกระแหนมุตตาว่าเดินอวดดอกไม้ไปทั่วกระทรวงอย่างกับกลัวคนจะไม่รู้ว่ามีคนให้มา ประสิทธิ์ชัยหมั่นไส้ปริม
แต่งเรื่องหลอกเธอว่าวีกิจเป็นคนให้ดอกไม้มุตตา ปริมถึงกับหน้าถอดสี อิจฉามุตตาแต่ก็ทำเป็นเชิดเดินเข้าห้องไป...
คืนนั้น...มุตตาในชุดนอนสีหวาน เอาดอกลิลลี่ปักใส่แจกันแก้วอย่างบรรจง ถือมาวางไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้งและแกะเชือกผูกผมวางใกล้ๆกันอย่างทะนุถนอม
คืนเดียวกันที่บ้านเจนภพ...นพนภาในชุดราตรีปักเลื่อมหรูเดินลงบันไดมา เจนภพเพิ่งกลับมาพาซื่อถามเมียว่าจะไปงานที่ไหน นพนภาเซ็งแต่ไม่อยากอารมณ์เสียในวันสำคัญ เดินนำสามีไปยังโต๊ะอาหารที่จัดอย่างหรูหรา เจนภพกำลังงง มือถือก็ดังขึ้น นพนภายิ่งเซ็งหนัก เจนภพเดินออกไปรับสายปรากฏว่าเป็นสายจากแจงจิต
“ผอ. ขา ทำไมไม่เอาของขวัญกลับบ้านคะ”
เจนภพสงสัยว่าของขวัญอะไร แจงจิตบอกว่าของ ขวัญครบรอบวันแต่งงานปีที่ 18 เจนภพเต้นผาง ถึงบางอ้อว่าทำไมนพนภาทำตัวแปลกๆคืนนี้ แจงจิตเสนอว่าจะเอาไปให้ที่บ้าน เจนภพบอกไม่ทันแล้ว คงต้องหาของขวัญเป็นอย่างอื่นแทน
เจนภพกลับเข้าบ้าน ก้าวมาด้านหลังโซฟาที่ภรรยานั่งอยู่ นพนภาฉุนที่สามีไม่เคยจำวันสำคัญได้ เขาก้มลงจูบซอกคอเธอแล้วยื่นแจกันดอกคาร์เนชั่นที่มุตตาเลือกให้เมื่อตอนกลางวันมาตรงหน้าเธอ
“สุขสันต์วันครบรอบแต่งงานจ้ะ”
นพนภารับแจกันมา ปลื้มจนน้ำตาคลอที่สามีจำได้ เจนภพสมอ้างว่าแกล้งลืมเพื่อจะเซอร์ไพรส์กลับ นพนภาแอบแขวะว่าปกติเห็นแต่เซอร์ไพรส์ด้วยพวกนังดอกส้ม เจนภพโอดครวญว่าเลิกแล้ว และกำลังปรับปรุงตัว จากนั้นเขาเริ่มคลอเคลียเข้าคลุกวงในจนนพนภาเคลิบเคลิ้มพ่ายให้กับลีลารักของสามีจนยอมอภัยให้ทุกอย่าง...
ooooooo
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น