วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555

นิยาย แรงเงา ตอนที่ 7


ตอนที่ 7
นพนภาหลับในอ้อมอกของเจนภพอย่างสุขสม คำยืนยันของเขาเรื่องมุตตาหวนกลับไปหาวีกิจทำให้สบายใจขึ้นมาก แต่ความสุขก็อยู่ไม่นาน เนตรนภิศโทร.มาปลุกให้ไปที่บ้านเพื่อเจอกับรัชนก มีเรื่องมุตตามาบอก นพนภาหน้าเครียด สังหรณ์ใจบางอย่าง บอกน้องสาวว่าจะรีบไป

นพนภาต่อว่ารัชนกที่ไม่รายงานเรื่องมุตตากลับมา ปล่อยให้เธอรู้จากข้อความของผู้หวังดีปริศนา รัชนกที่ผมและหน้ายังมีรอยเปื้อนหมึกจางๆแกล้งกลัว หลบตา

“มีอะไรก็บอกมา ฉันไม่ใช่เจ้านาง จะได้ต้องมีพิธีรีตอง”

“ต๊าย...ทำไมพี่นภาดูไม่ตื่นเต้นเลย” เนตรนภิศทักอย่างแปลกใจ

“ตื่นเต้นอะไร เมื่อกี้คุณภพนั่งยันนอนยันกับฉันว่า เขากับมันเลิกกันเด็ดขาด ตอนนี้นังนั่นหันไปหาตากิจแล้ว”

“แล้วพี่นภาก็เชื่อหรือคะ”

“ทำไม แกไปรู้อะไรมา”

เนตรนภิศพยักพเยิดให้รัชนก สายลับตาแป๋วเริ่มเล่าเรื่องที่แอบต่อเติมนิดหน่อย เริ่มด้วยเรื่องเจนภพทำลับๆล่อๆกับมุตตาในห้องกาแฟจนโดนน้ำแดงราดที่เป้ากางเกง ตามด้วยเรื่องมุตตาอาละวาดตบตีเธอกับปริมจนหน้าทิ่มลงไปในกองหมึกหน้าเปื้อนอย่างที่เห็น ตบท้ายด้วยเรื่องมุตตาออกปากท้าทายให้นพนภากลับมาตบรอบสอง นพนภาตาลุกวาว ตัวสั่นด้วยความโกรธ เริ่มคิดว่าจะจัดการกับมุตตายังไงดี

อมรกลับมาพร้อมกับพงศกร เห็นชายหนุ่มกล้ามโตยืนอยู่หน้าบ้าน พงศกรตาพราว บอกว่าเขาเป็นพี่ชายรัชนก ตนเคยเจอตอนไปส่งเธอที่คอนโดฯ อมรเข้าบ้าน

ไปแล้ว ศักดิ์ชายหันมาส่งสายตาวับวาวให้พงศกร ถามเรื่องที่จะมาเป็นนายแบบในสังกัด พงศกรยิ้มรับ มองศักดิ์ชายด้วยแววตาเป็นประกาย...

ooooooo

วีกิจมาทำงานหน้าตายิ้มแย้ม ขยับเนกไทเส้นใหม่อย่างอารมณ์ดี อรพิมกับทิพอาภาวิ่งหน้าตื่นมาถามหามุตตา เขาบอกว่าหญิงสาวจะมาทำงานเอง สองสาวอุทานเสียงดัง สีหน้าวิตกกังวล วีกิจสังหรณ์ว่าจะมีเรื่อง

ที่ลานจอดรถอีกด้าน เจนภพเจอเนตรนภิศ ถามเธองงๆว่ามาทำอะไรแต่เช้า เธอบอกว่ามาดูเรื่องอะไรดีๆ เจนภพหน้าเครียด มองเห็นเค้าลางร้าย

มุนินทร์ลงจากแท็กซี่ที่หน้าตึก เจอกับเลอลักษณ์ ฉกรรจ์ และนักรบ ทั้งสามมีท่าทีพิรุธ มองเธอด้วยสายตา ยิ้มเยาะแปลกๆ หญิงสาวแปลกใจแต่ไม่มากนัก เดินเข้าไปด้านในเห็นผู้คนยืนออกันเหมือนรออะไรบางอย่าง ปริมกับรัชนกยืนชิดราวบันไดมองเธอนิ่ง แววตาเย้ยหยัน หญิงสาวเดินผ่านไปอย่างไม่แยแส รัชนกแสร้งตีหน้าซีด ปริมมองตามด้วยความหมั่นไส้

มุนินทร์ก้าวขึ้นบันไดมายืนบนลานกว้างชั้นบน นพนภาเดินเข้ามาหาด้วยสายตาวาวโรจน์

“เดินบานแปดกลีบสิบสองกลีบมาเชียวนะ ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อย”

มุนินทร์ขมวดคิ้ว มองหญิงสาวแต่งหน้าจัด สวมเสื้อผ้าเนี้ยบด้วยสายตางงๆ บรรดาไทยมุงเริ่มล้อมเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ นพนภาเห็นท่าทางงงงันของมุตตา คิดว่าหญิงสาวเสแสร้งทำเป็นไม่รู้จัก พูดย้ำว่าขอคุยด้วยเรื่องมุตตากับเจนภพ มุนินทร์ถึงบางอ้อ มองนพนภาด้วยสายตาเข้มขึ้น

“นี่น่ะหรือ นพนภา”

มุนินทร์ยักไหล่น้อยๆ นพนภาชักของขึ้น คิดว่าหญิงสาวยั่วโมโห

“เอาล่ะ ยุคนี้เศรษฐกิจมันยังไม่ฟื้น ถ้าหล่อนไม่มีที่ไป อยากจะแบกหน้ากลับมาทำงานที่นี่ก็ทำไป แต่ฉันขอให้แกทำงานแต่บนโต๊ะ อย่าได้ตะกายไปทำงานบนเตียงกับผัวฉันอีก”

บรรดาไทยมุงฮือฮา ประสิทธิ์ชัย ปริม และรัชนก จ้องมวยคู่เด็ดตาไม่กะพริบ วีกิจ เจนภพ เนตรนภิศ แจงจิต อรพิม และทิพอาภาแหวกฝูงชนเข้ามา เนตรนภิศ ยิ้มสะใจ เจนภพหน้าชาโดนเมียประจาน วีกิจจะขยับไปห้าม ประสิทธิ์ชัยรั้งไว้ แจงจิตเหลือบตามองเนตรนภิศด้วยสายตารู้ทัน เนตรนภิศทำเมินไม่รู้ไม่ชี้

มุนินทร์ยืดตัวตรง ดวงตาฉายแววคมกร้าว มองนพนภาอย่างไม่กลัว นพนภาเชิดหน้าเดินมาใกล้

“แต่ฉันสงสัยว่าน้ำหน้าอย่างแกจะอดได้หรือ สันดานวัวเคยขา ม้าเคยขย่ม รู้เอาไว้ว่าผัวฉันมันไม่เคยจริงจังกับใครหรอก อีคนไหนมันง่ายมาแบให้ ผัวฉันก็เอาทั้งนั้นแหละ”

เจนภพหน้าม้าน อับอายที่โดนเมียข่มต่อหน้าธารกำนัล มุนินทร์ไม่สะดุ้งสะเทือน ตอกกลับเสียงหยัน

“หรือคะ งั้นคุณนพนภาก็คงเคยง่ายแบให้มาก่อนสินะคะ ถึงได้หนีบเอาไว้อยู่ ลูกคนแรกน่ะท้องก่อนแต่ง ถึงขั้นต้องลาออกจากมหาวิทยาลัยไม่ใช่หรือคะ”

มุนินทร์ตอกกลับด้วยข้อมูลที่เคยค้นเกี่ยวกับ

นพนภาในอินเตอร์เน็ต นพนภาอ้าปากค้าง หน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอาย ไทยมุงอุทานเซ็งแซ่อย่างผิดคาด ปริม กับรัชนกยืนอึ้ง อรพิมยิ้มสะใจ มุนินทร์มองนพนภาตั้งแต่หัวจดเท้า แววตาเย้ยหยัน ตอกกลับด้วยข้อมูลลับต่อ

“น่าเวทนานะคะ แก่จนต้องไปดึงไปทึ้งทั้งตัวแบบนี้แล้วยังหาความสุขสงบไม่ได้ ต้องวิ่งตามผัวไปทุกทิศ จนคนเขาสังเวชกันทั้งเมือง”

“แก...อีปากนรกแตก อย่ากล้ามาตีฝีปากกับฉัน ฉันเคยเตือนแกแล้ว เสียดายที่คราวนั้นฉันส่งไปแค่คนเดียว ถ้ารู้ว่าแกคันขนาดนี้ คราวหน้าฉันจะส่งไปสักสิบคน”

“ระวังนะคะ ผลกรรมมันจะไปตกกับญาติฝ่ายหญิงของคุณ ยิ่งมีลูกสาวตั้งสองคนแบบนี้”

นพนภาเต้นผาง กรีดร้องเสียงดัง ตัวสั่นด้วยความโกรธ ถลันเข้าไปหมายจะตบ มุนินทร์ยกแขนมากัน เบี่ยงตัวหลบและผลักนพนภาเซเสียหลัก หันหน้ามาเจอมุนินทร์ตบกลับ หน้าหัน นพนภาร้องกรี๊ด เซไปปะทะกระถางไม้ประดับแตกกระจาย ฝูงไทยมุงแตกฮือ วีกิจกับเจนภพตกตะลึง ปริม รัชนก เนตรนภิศ และแจงจิตอ้าปากค้าง เลอลักษณ์กับนักรบยกมือถือขึ้นถ่ายคลิปแข่งกัน

นพนภาตั้งหลักลุกขึ้นถลาเข้าไปเงื้อมือจะตบกลับ มุนินทร์เบี่ยงตัวหลบสบายๆ สองมือจับกระเป๋าสะพายฟาดลงไปเต็มหน้า นพนภาเซมาเหนือบันได รองเท้าส้นสูงพลิกกลิ้งตกบันไดมากองตรงชานพัก มุนินทร์มองตามด้วยแววตาสาสมใจ ประกาศกร้าว

“จำใส่สมองไว้ มุตตาไม่ใช่เหยื่อของแกอีกต่อไป”

บรรดาไทยมุงเงียบงัน นพนภากรีดร้อง พยายามลุกแต่ติดที่ข้อเท้าบวม เจนภพกับเนตรนภิศได้สติเข้าประคองนพนภา เสียงอื้ออึงจากฝูงชนค่อยๆดังขึ้น มุนินทร์หายใจแรง อารมณ์ยังกรุ่นอยู่ วีกิจเข้ามาดึงตัวไว้ เธอสะบัดออก เผลอตัวตะคอกใส่ วีกิจอึ้ง หญิงสาวได้สติค่อยๆเย็นลง

นพนภาบาดเจ็บไปทั้งตัว ตะโกนด่าไล่หลังหญิงสาวคู่กรณี เจนภพเข้าประคอง เนตรนภิศแอบยิ้มสะใจแต่แสร้งทำละล่ำละลักถามพี่สาวอย่างห่วงใย บอกให้รีบไปโรงพยาบาล เจนภพเงยหน้ามองมุตตา หญิงสาวมองกลับด้วยสายตาวาวโรจน์ เย็นชา เขาสะบัดหน้า ประคองเมียออกไป บรรดาไทยมุงส่งเสียงเซ็งแซ่ไม่หยุด

ooooooo

มุนินทร์กลับไปที่แผนก ก้มหน้าก้มตาทำงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น วีกิจยืนดูด้วยความประหลาดใจ ไม่อยากเชื่อว่าตรงหน้าคือมุตตาที่เขาเคยรู้จัก หญิงสาวมองหน้าเขานิ่ง ถามเสียงเรียบ

“คุณก็เห็นทุกอย่างกับตาแล้วไม่ใช่หรือคะ หรือว่าคุณอยากให้ฉันขอโทษญาติของคุณ”

“ถ้าคุณไม่อยากพูด ผมคงไม่บังคับให้คุณทำหรอกฮะ”

“ค่ะ ฉันไม่ขอโทษ แล้วไม่เสียใจด้วย”

“แต่ผมเป็นห่วงสิ่งที่จะตามมาต่างหาก”

“อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิดเถอะค่ะวีกิจ ฉันตัดสินใจสู้และฉันจะไม่มีวันถอยด้วย”

“ถ้าเขาบีบให้คุณออกจากงานล่ะฮะ”

“ฉันไม่คิดจะทำงานที่นี่ตลอดไปหรอกค่ะ ฉันแค่... มาสะสางอะไรที่มันคั่งค้างเท่านั้นเอง”

มุนินทร์เลี่ยงที่จะสบตาเขา มองตรงไปข้างหน้าอย่างคนที่ตัดสินใจแล้ว แววตาวาววับด้วยอารมณ์ที่ยังกรุ่น เธอหันกลับมาเห็นสายตาอ่อนโยนเต็มไปด้วยความห่วงใยของวีกิจ แววตาค่อยๆอ่อนแสงลง บอกให้เขากลับไปทำงาน

วีกิจออกไปแล้ว แจงจิต ทิพอาภา อรพิม และพนักงานคนอื่นๆเริ่มทยอยเข้ามา อรพิมเดินมาใกล้หญิงสาว ชื่นชมด้วยความปลื้มที่เพื่อนสาวกล้าตอบโต้ แจงจิตทำหน้าปลง มองหน้าหญิงสาวนิ่ง พูดเสียงเรียบ

“เธออยากให้เป็นเรื่องตาต่อตา ฟันต่อฟันหรือ”

“มันก็ยุติธรรมดีไม่ใช่หรือคะ”

“เธอไม่เคยได้ยินบ้างหรือ รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ เธอยิ่งต่อ มันก็ยิ่งไม่มีวันจบ”

มุนินทร์นิ่งฟัง ไม่ตอบโต้อะไร แต่ในใจยังดื้อดึง แจงจิตอ่อนใจ ตัดบทสั่งให้ทุกคนตั้งใจทำงาน

นภางค์ไปเยี่ยมนพนภาที่โรงพยาบาลทันทีที่ทราบเรื่อง เห็นลูกสาวคนโตนอนแก้มบวม ปากแตก หน้าแดง เป็นปื้น มีรอยเขียวช้ำที่ขมับ ข้อมือและข้อเท้ามีผ้าพันไว้ เนตรนภิศคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ

“มันยังไงกันแม่นภา ตบกันประสาอะไร ถึงต้องเข้าโรงพยาบาลแบบนี้”

“หนูก็ไม่รู้ค่ะว่ามันหลบไปฝึกวิชามาจากไหน”

“มันตบน่ะไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ แต่พี่นภาใส่ส้นสูงไป พอมันตบส้นสูงพี่นภาพลิก ก็เลยหัวทิ่มตกลงไป”

นพนภาฟังเนตรนภิศบรรยายจนเห็นภาพแล้วอับอาย โมโหตาเขียว ปาข้าวของ และโวยวายใส่น้องที่ไม่ยอมเข้ามาช่วย เนตรนภิศบอกว่ากลัวโดนลูกหลง นพนภายิ่งอารมณ์เสีย นภางค์เอามือกุมหน้าอก พูดปลงๆ

“ฉันก็คิดว่าแกจะไปตบรอบสอง นี่โลกมันจะแตกจริงๆมั้ง เมียหลวงถึงเดินตรอก เมียน้อยขี้ครอกเดินถนน”

เนตรนภิศยื่นน้ำส้มให้พี่สาว เจนภพเปิดประตูเข้ามา กำลังจะอ้าปากถามอาการเมีย นพนภาปาแก้วใส่ เขาหลบทัน นพนภาตะโกนด่าผัวเสียงดัง นภางค์หันไปมองหน้าลูกเขย แขวะเสียงเข้ม

“ฉันยกลูกสาวให้ไปตบแต่ง ไม่ใช่ให้แต่งไปโดนตบ”

“โธ่...คุณแม่ ผมกับเด็กนั่นเลิกกันแล้วจริงๆ”

“เลิกน่ะเลิกอะไร เลิกผ้าเลิกผ่อนกันน่ะสิ”

เจนภพถอนใจ มาดูอาการเมียใกล้ๆ นพนภาขยับตัวหนี ประชดผัวเสียงเขียวว่าออกไปได้เมื่อไหร่จะไปเอาคืน เขาปรามเมียเสียงอ่อนว่าอย่าทำให้เรื่องมันฉาวกว่านี้ นพนภาไม่สน หันไปถามเรื่องโดนมุตตาประจานว่าท้องก่อนแต่ง เขาปฏิเสธไม่เคยบอก นพนภาไม่ค่อยเชื่อ นภางค์ค้อนลูกเขย เนตรนภิศยิ้มสะใจ หมอกับพยาบาลเข้ามาพานพนภาไปตรวจร่างกาย ทุกคนรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ

นพนภานั่งปั้นหน้ายิ้มบนรถเข็นที่หมอเข็นให้ พยาบาล เจนภพ นภางค์ และเนตรนภิศเดินตามเป็นขบวนยาว ผ่านหน้าเคาน์เตอร์ พยาบาลสี่คนกำลังสุมหัวดูจอคอมพิวเตอร์ แว่วเสียงเม้าท์เรื่องนพนภา

“ใช่จริงๆแหละเธอ”

“ไหนบอกว่าปีนไปห่มผ้าภูเขาทองแล้วตกลงมาไง”

“ก็ใครจะบอกล่ะว่าโดนเมียน้อยตบมา”

“นี่เขาบอกว่าคลิปนี้เป็นภาคต่อ ภาคแรกชื่อว่าตบน้อยหน้ากระทรวง”

นพนภาเบิกตาลุกโพลง โกรธจนตัวสั่น พยาบาลที่มากับขบวนพยายามส่งซิกแต่ไม่ได้ผล หมอแกล้งกระแอมเสียงดัง พยาบาลทั้งสี่หันมาเห็นนพนภาเต็มตา สะดุ้งเหมือนเห็นผี ปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ หันมาแก้ตัวพัลวันว่าไม่มีอะไร นพนภาลุกจากรถเข็นมาเกาะหน้าเคาน์เตอร์

“ถ้าไม่มีอะไร ก็ขอฉันดูหน่อย”

พยาบาลทั้งสี่หน้าเสีย สบตาหมอ เปิดหน้าจอขึ้นมาอีกครั้งอย่างอิดออด เจนภพหน้าเจื่อน ถามเมียเสียงอ่อนว่าดูเพื่ออะไร เสียอารมณ์เปล่าๆ

“ก็ดูให้มันจำไง ว่ามันทำกับฉันยังไงบ้าง”

เนตรนภิศสบช่อง บอกให้นภางค์ดูพี่สาวโดนตบ นพนภามองน้องตาเขียว คลิปบนจอเป็นภาพนพนภาปะทะคารมกับมุตตา ตามด้วยนพนภาโผเข้าตบแต่พลาดโดนสวนกลับ ตบท้ายด้วยนพนภากลิ้งตกบันได... เจนภพหน้าซีด นภางค์อ้าปากค้าง เนตรนภิศยิ้มตาวาว นพนภาของขึ้นอีก ร้องกรี๊ดสุดเสียง

ooooooo

คลิปนพนภาโดนตบแพร่ไปทั่วกระทรวงอย่างรวดเร็ว เลอลักษณ์กับนักรบภูมิใจที่ยอดเข้าชมพุ่งสู่หลักหมื่น ปริมกับประสิทธิ์ชัยร่วมวงเม้าท์อย่างเมามัน เถียงกันเซ็งแซ่ว่าชอบคลิปไหนมากกว่าระหว่างของเมียหลวงหรือเมียน้อย รัชนกบุ้ยใบ้ไปทางวีกิจ ประสิทธิ์ชัยเริ่มได้สติ ยิ้มแหย ปริมหมั่นไส้อดแขวะไม่ได้

“ดูท่าคุณกิจจะชอบคลิปตบหลวงหน้ากองมากกว่าตบน้อยหน้ากระทรวง เข้าข้างกันซะขนาดนั้น”

“ไม่ว่าคลิปไหน ผมก็ไม่ชอบทั้งนั้นแหละฮะ ผมว่าคนเราไม่ควรแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง”

มุนินทร์เข้ามาได้ยินพอดี ปริมมองเห็นยิ้มเยาะน้อยๆ ให้วีกิจบอกกับคนที่อยู่ในคลิปเองดีกว่า เขาหันไปเห็นหญิงสาวเหยียดยิ้มมองไปที่ปริม

“แน่ใจหรือคะว่าคุณไม่เคยทำรุนแรงกับใคร บางทีความรุนแรงมันอาจไม่ได้อยู่แค่การลงไม้ลงมือหรอกค่ะ การพูดจาส่อเสียด ซุบซิบนินทา ใส่ร้ายป้ายสี มันก็เป็นความรุนแรงรูปแบบหนึ่งเหมือนกัน”

ปริมเถียงไม่ออก คนอื่นๆพยักหน้าเห็นด้วย มุนินทร์เห็นภาพตัวเองที่หน้าจอ มองเลอลักษณ์กับคู่หูกะเทย ฉกรรจ์และนักรบ

“ส่วนพวกที่เผยแพร่ความรุนแรงเพื่อความสนุกหรือความสะใจ ก็เรียกได้ว่าเป็นผู้ก่อความรุนแรงเหมือนกัน”

เลอลักษณ์กับนักรบหน้าเหวอ คนอื่นๆเริ่มขยับหนี กลัวโดนลูกหลง ทั้งสองพยายามหาข้อแก้ตัว บอกว่าทำเพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจ ปลุกจิตสำนึก เรียกร้องศีลธรรมและผดุงไว้ซึ่งความดี มุนินทร์เลิกคิ้ว แววตาเย้ยหยัน

“พูดเหมือนหนังสือซุบซิบดาราที่ลงแต่ภาพหลุดแล้วอ้างว่าเพื่อผดุงศีลธรรมให้ดาราทำตัวดีใช่ไหมคะ ความจริงแล้วฉันคิดว่าทุกคนก็มีเรื่องแย่ๆซุกซ่อนเอาไว้ทั้งนั้น ยิ่งแสนดีเท่าไหร่ เบื้องลึกอาจจะยิ่งร้ายเท่านั้น”

มุนินทร์ปรายตามองไปทางรัชนกยิ้มๆ รัชนกทำเป็นไม่รู้เรื่อง แสร้งตีหน้าเศร้าเห็นอกเห็นใจหญิงสาว เลอลักษณ์กับคู่หูกะเทยตาเหลือก แก้ตัวพัลวันว่าไม่เคยมีเรื่องซุกซ่อนหรือเป็นอีแอบใดๆ มุนินทร์ยิ้ม แววตามีเลศนัย

“งั้นก็ขอให้ความจริงคุ้มครองทุกคนก็แล้วกันค่ะ”

วีกิจมองมาด้วยแววตาขอร้อง เอ่ยปากชวนหญิงสาวไปทานกลางวันข้างนอก มุนินทร์ยิ้มหวานตามเขาออกไป ปริมเชิดหน้าด้วยความหมั่นไส้ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นเรื่อยๆ

วีกิจพาหญิงสาวมาทานข้าวที่ห้างสรรพสินค้า เดินผ่านร้านเสื้อผ้าแนวหวานๆ มุนินทร์หยุดดู น้ำตาคลอนึกถึงแฝดน้อง บอกว่าไม่มีมุตตาคนเดิมอีกต่อไปแล้ว คงไม่ได้เห็นมุตตาใส่เสื้อผ้าแบบนี้อีก วีกิจมองด้วยความสะเทือนใจ

ระหว่างเดินไปร้านอาหาร มุนินทร์พบกับลูกศรเพื่อนสนิท ทั้งคู่จับไม้จับมือกัน จูบแก้มซ้ายขวา วีกิจมองงงๆ มุนินทร์บอกให้เขาล่วงหน้าไปจองโต๊ะ ลูกศรส่งยิ้ม เขาค้อมศีรษะให้แล้วเดินไป ลูกศรซักไซ้เพื่อนเป็นการใหญ่ มุนินทร์บอกว่ากลับมาจากเมืองนอกหลายวันแล้ว แต่ยุ่งมากเพราะสะสางปัญหาที่บ้าน ยังไม่ได้ติดต่อใคร ลูกศรบอกให้รีบไปรายงานตัวที่บริษัทเพราะงานรออยู่...แล้วเปลี่ยนเรื่องถามถึงชายหนุ่มที่เพื่อนมาด้วย มุนินทร์ยิ้มเขิน แต่ไม่เล่าอะไร

มุนินทร์เดินมาหาวีกิจที่ร้านอาหาร เขาถามถึงหญิงสาวที่เพิ่งเจอ มุนินทร์บอกว่าเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียน

“ท่าทางเปรี้ยวนะฮะ”

“ฉันถึงได้ไม่แนะนำให้คุณรู้จักไงคะ”

“โธ่ เห็นผมเป็นคนไว้ใจไม่ได้ไปได้”

“ใครบอกคะ ฉันไม่ไว้ใจเพื่อนฉันต่างหาก เมื่อกี้ยังชมว่าคุณน่ารัก”

วีกิจเขินหน้าแดง มุนินทร์อมยิ้ม บอกว่าเพื่อนเธอเปรี้ยวแต่หน้าตา จริงๆแล้วหัวโบราณ วีกิจสงสัยที่ได้ยินลูกศรเรียกเธอว่านิน มุนินทร์แสร้งทำหน้าซื่อ แก้ตัวว่าเป็นฉายาสมัยเรียน ครูตั้งให้เพราะเธอชอบแวบไปแวบมาเหมือนนินจา วีกิจตั้งท่าจะชวนคุยต่อ มุนินทร์กลัวหลุดเรื่องน่าสงสัย รีบชวนเปลี่ยนเรื่อง

ooooooo

เจนภพโทร.บอกให้แจงจิตมาดูงานกับเขาข้างนอกเพราะไม่อยากกลับไปเป็นขี้ปากคนทั้งกระทรวงเรื่องเมียอาละวาดและโดนตบตกบันไดกลายเป็นคลิปดังฉาวไปทั่ว แจงจิตออกไปแล้ว พนักงานอื่นๆ รีบโหลดคลิปมาดู อรพิมกับทิพอาภาเดินมาเม้าท์กับมุนินทร์ ปลื้มเพื่อนไม่หายที่กล้าต่อกรกับนพนภา มุนินทร์มองหน้าเพื่อนยิ้มบางๆ
“ความจริงพวกที่เอาคลิปลงนี่ถือว่าละเมิดสิทธิส่วนบุคคลนะ”

“จะแจ้งลบไหมล่ะตา” ทิพอาภาถามซื่อๆ

“อุ๊ย พอลบได้ห้านาทีก็มีคนเอามาลงใหม่ ดูอย่างคลิปก่อนสิ คุณกิจแจ้งลบตั้งร้อยหนได้” อรพิมบอกปลงๆ

มุนินทร์เลิกคิ้ว ซาบซึ้งน้ำใจของวีกิจที่มีต่อน้องสาวเธอ แต่ทวีความแค้นต่อเลอลักษณ์กับคู่หูกะเทย

“คนที่ละเมิดคนอื่น เวลาที่ถูกเขาละเมิดบ้าง จะทำหน้ายังไงนะ”

มุนินทร์พูดเสียงเหี้ยม แววตาหมายมาด คลิกที่หน้าจอ ขึ้นรายชื่ออีเมล์พนักงานทั้งกระทรวง...

มุนินทร์เริ่มแผนตอบโต้เลอลักษณ์กับคู่หูกะเทยทันทีที่กลับบ้าน นั่งง่วนอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เกือบทั้งคืน

หาทางแฮกอีเมล์สืบเรื่องลับๆของทั้งสามคน

เช้าวันถัดมา วีกิจกับมุนินทร์มาทำงานด้วยกัน หญิงสาวแลดูอิดโรยแต่แววตามีประกายสุขใจ เลอลักษณ์ ฉกรรจ์ และนักรบเดินมาจากอีกมุมหนึ่ง มองเห็นฝูงชนยืนออที่ลานหน้าบันได เดินเข้าไปดูด้วยความสงสัย บรรดาไทยมุงหันมาเห็น มีเสียงฮือฮาชี้ชวนกันดู บ้างหัวเราะ บ้างซุบซิบ บ้างมองตั้งแต่หัวจดเท้า เลอลักษณ์

ทำตาปริบๆ เริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากล นักรบกับฉกรรจ์ค่อยๆเขยิบถอย

ปริมนั่งง่วงอยู่ที่โต๊ะทำงาน เช็กอีเมล์แล้วเบิกตาโพลง อุทานเสียงดัง ประสิทธิ์ชัยกับรัชนกวิ่งมาดู เห็นเป็นคลิปรวมภาพนิ่งพร้อมเพลงประกอบของเลอลักษณ์ในชุดนางแมวป่าคลอเคลียเด็กชายท่าทางตื่นกลัวในชุดลูกเสือ อายุไม่น่าเกินสิบห้าปี ปริม รัชนก และประสิทธิ์ชัยตาเหลือกเหมือนเห็นผี เลอลักษณ์ก้าวพรวดเข้ามาเห็นภาพในคลิปเต็มตา ขาแข้งอ่อนทรุดลงไปนั่งกับพื้น แจงจิต อรพิม ทิพอาภา ยืนออที่หน้าประตู มุนินทร์ยืนอยู่กับวีกิจ หญิงสาวแววตาสะใจ

“นี่ไงคะ เบื้องหลังความบริสุทธิ์ผุดผ่อง”

“เหมือนที่คุณพูดเมื่อวานเลย”

“ทุกคนมีโครงกระดูกในตู้ทั้งนั้นแหละค่ะ วีกิจ”

วีกิจมองหน้าหญิงสาวนิ่ง เขายังไม่แน่ใจนัก แต่คิดว่าเรื่องนี้เธอต้องมีส่วนเกี่ยวข้องแน่ๆ...

เลอลักษณ์ทนความอับอายไม่ไหวหนีกลับบ้านไปตั้งแต่เช้า นักรบกับฉกรรจ์เดินเม้าท์เรื่องคลิปนางแมวป่าของเพื่อนไปจนถึงโรงอาหาร สำเนียกได้ถึงความเงียบจนผิดปกติ มองเห็นผู้คนสะกิดกันมองมา บ้างหัวเราะ บ้างขยะแขยง กะเทยสองนางมองหน้ากัน เหงื่อแตกพลั่ก มองเห็นลางร้ายมาแต่ไกล

นักรบกับฉกรรจ์วิ่งพรวดพราดกลับแผนก เห็นทุกคนกำลังจ้องจอคอมพิวเตอร์ดูคลิปวีดิโอทั้งสองนัวเนียคลอเคลียกัน ปริมลุกขึ้นชี้หน้า วีกิจกับประสิทธิ์ชัยขยับถอยมีอาการกลัวๆ คู่หูกะเทยกุมมือกันหน้าซีดเหมือนจะร้องไห้เต็มแก่ แก้ตัวพัลวันว่าเป็นแค่เกมในงานปาร์ตี้ มุนินทร์แกล้งเดินเข้ามาแววตายิ้มเยาะ ชวนวีกิจไปทานข้าว บอกว่าวันนี้คงทานที่โรงอาหารได้แล้ว วีกิจยังตามไม่ทัน หญิงสาวยิ้มน้อยๆ มองไปที่กะเทยสองนาง

“ก็วันนี้มีภาพตัวอย่างที่ไม่ดี ที่ไม่ผดุงศีลธรรม จนเรื่องของฉันกลายเป็นเรื่องเด็กๆไปเลยน่ะสิคะ”

วีกิจมองอย่างรู้ทัน มั่นใจตอนนั้นเองว่าเป็นฝีมือของเธอ มุนินทร์หันมาแสร้งทำแววตาเศร้า

“ไม่ใช่ฝีมือตาแน่ๆค่ะ ตาไม่มีทางมาตอบโต้อะไรแบบนี้”

มุนินทร์พูดเสียงขื่นสะเทือนใจ น้องสาวของเธอทำไม่ได้...เธอนี่แหละจะทำให้แทน!

ooooooo

เจนภพพาเมียกลับบ้าน นพนภายังปั้นปึ่งใส่สามีเล็กน้อย ต่อออกมารับแม่ที่รถ มองพ่อตาขุ่น เจน-ภพขมวดคิ้วไม่พอใจ แต่นพนภาเป็นปลื้มที่ลูกชายเป็นห่วง ต่อประคองแม่เข้าบ้าน นพนภาเห็นต้องนอนเล่นมือถือไม่สนใจตน หงุดหงิดขึ้นมา ค่อนแคะเสียงเขียว

“นี่นังต้อง แม่ไม่สบายกลับมาจะกระดิกตัวมาดูสักนิดก็ไม่มี”

ต้องยังง่วนอยู่กับโทรศัพท์ นพนภาของขึ้นเดินไปดูมือถือลูก เห็นคลิปของตัวเองแล้วร้องกรี๊ด ตะโกนด่าต้อง...ต่อผวาคว้ามือถือพี่สาวไปดู โกรธแค้นแทนแม่

“มันกล้าทำกับแม่อย่างนี้เชียวหรือฮะ นี่พ่อให้ท้ายอีนังนั่นจนมันได้ใจขนาดนี้เชียวหรือ”

เจนภพมองลูกชายตาเขียว บอกว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เด็กไม่เกี่ยว!

เจนภพพานพนภาขึ้นไปพักบนห้อง เธออาละวาดปาข้าวของด้วยความโกรธ ประกาศกร้าวให้ผัวไล่มุตตาออก หรือไม่ก็หย่ากัน เจนภพตกใจ ไม่คิดว่าเมียจะจริงจังขนาดนี้ นพนภาโมโหเลือดขึ้นหน้า

“ตั้งแต่อีนี่เข้ามาเกี่ยวข้อง บ้านเราเหมือนตกนรก อีนังนี่มันตัวเสนียดจัญไร ตัวกาลกิณี”

นพนภาเดินไปนั่ง มองหน้าช้ำๆของตัวเองแล้วร้องกรี๊ดด้วยความแค้นใจ เจนภพบอกว่าจะเรียกมุตตามาตักเตือน นพนภาหันมามองผัวตาเขียว เจนภพพูดเสียงอ่อนว่าเขาไล่ใครออกด้วยเรื่องแบบนี้ไม่ได้ มันไม่ถูกต้อง

“เอางี้ ผมจะให้เขามาขอโทษ มาขอขมาคุณ”

“ฉันไม่มีวันยกโทษให้มัน ต่อให้มันมากราบเท้าฉัน ฉันก็จะเหยียบให้มันจมดิน”

“แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่มันจะจบ”

“แล้วไอ้คนไหนล่ะที่มันเริ่มเรื่องเอาไว้ อย่ามาโทษฉันนะ คุณนั่นแหละคือตัวต้นเหตุ”

นพนภาพูดอย่างเหลืออด เจนภพถอนใจ หนีปัญหา บอกว่าจะกลับเข้ากระทรวง...

เจนภพกลับมาทำงาน ถามวีกิจเกี่ยวกับมุตตา วีกิจบอกว่าหญิงสาวเปลี่ยนไปมาก วีกิจถามถึงนพนภา เจนภพบอกว่าอาละวาดบ้านแทบแตก ให้ไล่มุตตาออก วีกิจนิ่งฟัง เจนภพบอกจะให้มุตตาไปขอโทษนพนภาที่ก่อเรื่องอาละวาดตบตี วีกิจชะงัก หน้าขรึมลง มองหน้าอาหนุ่มนิ่ง

“แล้วคราวที่แล้วล่ะฮะ มีใครมาขอโทษตาไหม”

เจนภพอึ้ง ตกใจที่โดนตอกกลับตรงๆ วีกิจยังมองหน้าอานิ่ง เจนภพยักไหล่

“ผู้หญิงทำให้โลกยุ่งเสมอแหละนายกิจ แกเองก็ระวังไว้ก็แล้วกัน”

เจนภพเดินไป วีกิจคิดตามคำพูดปัดชั่วให้พ้นตัวของอาหนุ่ม ดีแต่เตือนคนอื่น...ช่างไม่ดูตัวเองเลย!

ooooooo

มุนินทร์ทานของว่างกับอรพิมและทิพอาภา นั่งเม้าท์กันเรื่องคลิปฉาวของแก๊งกะเทย วีกิจเข้ามาร่วมฟังด้วย ปริมกับรัชนกมาบอกว่าเจนภพเรียกหามุตตา วีกิจ อรพิม และทิพอาภาเริ่มเป็นกังวลจนกินไม่ลง มุนินทร์ยังหน้าระรื่น ชวนกินโน่นนี่อย่างสบายอารมณ์ บอกขำๆว่าต้องกินเยอะ เผื่อโดนเจนภพปล้ำจะได้มีแรงสู้...

เจนภพหงุดหงิดที่มุตตามาช้า กำลังจะโทร.ตาม หญิงสาวเข้ามาพอดี ใบหน้าตกแต่งเข้มกว่าเคย เจนภพมองดู แอบเคลิ้มแต่ยังตีหน้าขรึม มุนินทร์เดินไปนั่งที่โซฟา ยกขาขึ้นไขว่ห้าง กระโปรงแหวกขึ้นมาเห็นขาขาว เจนภพนิ่งไป มุนินทร์แกล้งยั่วต่อ เอนตัวพิงพนักเบาๆ เอามือม้วนผมตัวเองเล่น ดูเย้ายวนสุดๆ

“จะพูดธุระก็มองหน้าฉันสิคะ ทำไมถึงมองต่ำนัก”

เจนภพสะดุ้ง ปรับสายตาขึ้นมองหน้าเธอ ตีหน้าขรึมลงอีก มุนินทร์มองด้วยสายตายิ้มเยาะ

“ทำไมตาถึงทำอย่างนั้น คุณก็รู้ว่าเขาเป็นยังไง คุณไม่มีสิทธิ์จะไปแตะต้องเขา”

“แปลว่าเขาเท่านั้นที่มีสิทธิ์แตะต้องใครต่อใครหรือคะ”

“ตา คุณทำอย่างนั้นทำไม”

“ฉันทำอย่างนั้นเพราะว่าฉันเป็นคน หรือคุณคิดว่าพวกคุณเท่านั้นที่เป็นคน แต่คนอื่นเป็นแค่สัตว์เดรัจฉาน”

เจนภพลุกขึ้น บอกให้เธอไปขอโทษนพนภา มุนินทร์ลุกขึ้นช้าๆ มองหน้าเขาด้วยแววตาแข็งกร้าว

“เมื่อเขามาตบตีตาครั้งนั้น มีใครหน้าไหนบอกให้เขามาขอโทษ...เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งบ้างไหม”

เจนภพอ่อนใจ แต่ยังไม่สำนึกหรือสะกิดใจคำพูดหญิงสาว เซ้าซี้ให้เธอไปขอโทษเมีย

“งั้นฉันขอนับเงินดูก่อนก็แล้วกัน ตอนนี้ฉันมีอยู่ห้าพัน คงเสียค่าปรับเพราะตบเมียคุณได้อีกสิบครั้ง”

“ให้ตายเถอะ...ตา คุณทำให้ผมไม่มีทางเลือกนะ”

“คุณจะไล่ฉันออกหรือคะ อย่าเลยค่ะ ไล่ออกด้วยเรื่องผัวๆเมียๆแบบนี้มันเสื่อมเสียศีลธรรมสำหรับข้าราชการระดับสูงเปล่าๆ ฉันจะไปเอง”

“ก็ได้ ยื่นใบลาออกมา ผมจะอนุมัติให้ทันทีเลย”

“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ไม่จำเป็น เพราะตาลาจากที่นี่ไปนานเหลือเกินแล้ว”

มุนินทร์พูดเสียงเรียบ นัยน์ตาเหมือนมีน้ำตาคลอ แต่สีหน้ายังนิ่งเฉย หมุนตัวออกจากห้องไป

มุนินทร์เก็บของของน้องสาวลงกล่อง แจงจิตยืนกอดอกดูอยู่ ทิพอาภาน้ำตาร่วง อรพิมยืนฮึดฮัดอย่างขัดใจ วีกิจยืนเกาะโต๊ะหน้าเศร้า หญิงสาวยกกล่องพร้อมออก แจงจิตเดินมาขวาง พูดเสียงเรียบ

“มุตตา ฉันเองน่ะ ไม่รู้จะพูดอะไร แต่ฉันว่าก็ดีแล้วถ้าเธอจะไปให้พ้นจากมนุษย์เห็นแก่ตัวพวกนี้เสียที”

“พี่แจงจิตคะ พี่เคยเตือนให้ฉันทำอะไรที่ถูกต้อง”

“ใช่ เพราะฉันไม่อยากเห็นเธอทำผิดอีก”

“ค่ะ แต่คนเราบางทีก็ไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เราทำหรือกำลังทำ มันถูกหรือผิด”

“ใช้สติ ใช้ปัญญาใคร่ครวญสิ แล้วเธอจะรู้เอง”

มุนินทร์พยักหน้ารับ มองหน้าเลขาสาวใหญ่ด้วยความซาบซึ้งใจ...

วีกิจตามมาส่งหญิงสาวที่หอ มุนินทร์นั่งคนเครื่องดื่มอย่างปลอดโปร่งใจ ชายหนุ่มมองหน้าเธอนิ่ง หนักใจและเป็นกังวลแทนจนแทบไม่แตะต้องเครื่องดื่มตรงหน้า มุนินทร์อ่านท่าทางเขาออก พูดยิ้มๆ

“มาห่วงฉันทำไมนักหนา ฉันยังไม่ห่วงตัวเองเลย”

“ใช่ ช่วงสองสามวันนี้คุณไม่ห่วงตัวเองเลย”

“อย่ากลุ้มใจแทนฉันเลยค่ะ ฉันอยู่ได้ มนุษย์เราทุกคนควรเกิดมาที่จะอยู่ค่ะ ไม่ใช่เกิดมาเพื่อพ่ายแพ้”

มุนินทร์มองตรงไปข้างหน้า โล่งใจนิดๆที่สะสางเรื่องของแฝดน้องได้ ชายหนุ่มมองหน้าเธอ ยิ้มบางๆดีใจที่หญิงสาวเข้มแข็งขึ้นกว่าที่เขาคิด ความประทับใจในมุตตาคนใหม่มากขึ้นอีกโดยไม่รู้ตัว...

ooooooo  

ต้องแช็ตอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ นัดแนะกับเพื่อนไปเอายาไอซ์ หน้าเครียดเพราะคราวนี้ต้องจ่ายเงินแล้วรวมทั้งหนี้เก่า เธอรับปากเพื่อนส่งๆ เพราะอยากได้ยา

นพนภาเปิดประตูพรวดเข้ามา ต้องสะดุ้ง รีบปิดหน้าจอแช็ต ต่อว่าแม่ที่ไม่เคาะประตู นพนภามองลูกสาวอย่างจับผิด แขวะว่าถ้าเคาะก่อนคงไม่เห็นอะไรดีๆ

“ฉันล่ะอ่อนใจกับแกจริงๆ เอาอย่างต่อมันบ้างสิ วันๆมันวาดรูป เล่นกีฬา อ่านหนังสือหาความรู้ ไม่หมกมุ่นเรื่องกามอย่างแกหรอก”

“แม่แน่ใจนะว่าลูกชายแม่ไม่หมกมุ่นเรื่องกาม ลองเข้าไปเช็กในคอมมันดูสิคะ เผื่อเจออะไรดีๆ”

นพนภาลังเลแต่ยังทำไม่สน ค้อนลูกสาวตาคว่ำ บอกว่าจะไปดูต่อที่ห้อง ต้องมองตามแววตาเย้ยหยัน

นพนภาติดใจที่ต้องพูดถึงต่อ แอบย่องไปดูลูกชาย มองเห็นลูกชายสวมเสื้อกล้ามแช็ตกับเด็กหนุ่มเปลือยอก โชว์กล้ามโตที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ นพนภาสงสัยตัดสินใจส่งเสียงถาม ต่อสะดุ้งเฮือก รีบบอกว่าคุยกับเพื่อนชื่อก้อง เป็นครูสอนยิมที่ชอบเรื่องเพาะกายเหมือนกัน นพนภาโล่งใจ มองลูกชายอย่างรักใคร่ ต่ออึกอัก เสถามแม่ว่าทำไมยังไม่นอน นพนภาบอกว่านอนไม่หลับเพราะพ่อยังไม่กลับบ้าน ต่อมองแม่อย่างปลงระคนเห็นใจ

“ทำไมแม่ไม่ทำใจบ้างล่ะฮะ แม่ก็พอรู้ว่าพ่อเขาเป็นอย่างนี้เข้าสายเลือดไปแล้ว”

“แล้วจะให้แม่ยอมแพ้อีหน้าด้านพวกนี้หรือ ไม่มีทาง แม่ไม่มีวันแพ้ใคร แม่จะตีมันให้แพ้ในสามวันเจ็ดวัน”

“แล้วพ่อก็มีใหม่อีก”

ต่อค่อนแคะพ่อ แววตารังเกียจล้ำลึก นพนภาอึ้ง ถอนใจเบาๆ

“มีผัวผิดคิดจนตัวตาย ต่อดูเอาไว้นะลูก อย่าเป็นคนสำส่อนบ้ากามไม่รู้จักจบเหมือนพ่อ”

“แม่รู้เอาไว้เลยนะฮะ ต่อขยะแขยงคนพวกนี้ ต่อไม่มีวันเป็นพวกสำส่อนแบบนี้เด็ดขาด”

“ต่อน่ะได้เลือดแม่ ไม่เหมือนนังต้อง ดูเหมือนจะเอาเลือดพ่อมาเต็มตัว ดูมันคันเหลือเกิน”

นพนภาอดแขวะต้องไม่ได้ ได้ยินเสียงรถแล่นมา นึกรู้ว่าเป็นเจนภพ ลุกพรวดไปดู ลืมลูกเสียสนิท

นพนภารีบร้อนลงบันไดแต่ไม่ทันใจเพราะข้อเท้ายังบาดเจ็บ มองหน้าผัวอย่างเอาเรื่องที่กลับบ้านช้า ถามเสียงเขียวว่าไล่มุตตาออกหรือยัง เจนภพหน้าเครียด บอกว่าหญิงสาวลาออกเอง เขาไม่ได้ไล่ นพนภางุ่นง่านเดินขากะเผลก ยังไม่ไว้ใจ มองผัวตาวาว

“แล้วมันยื่นใบลาออกหรือยัง เดี๋ยวเผลอมันก็เผยอหน้ามาบานแบะอยู่ที่กองอีก”

“เขาลาออกไปแล้วก็ช่างเขาเถอะ อย่าไปสนใจนักเลย”

“ฉันสนใจ ฉันอยากรู้ว่ามันออกไปหากินอยู่ซ่องไหน สันดานใจง่ายแบบนี้ คงไม่แคล้วหรอก ไม่เป็นหมอนวด ก็ไปเป็นนังเมียน้อย เอ๊ะ...หรือที่มันรีบออกเพราะไปนอนแบะให้คุณเลี้ยง”

“ว่าเข้าไป ผมไม่มีปัญญาหรอก”

เจนภพหน้าเครียด บอกเสียงเซ็งให้ห่วงวีกิจดีกว่า เห็นอาลัยอาวรณ์ตามไปส่งกันถึงบ้าน

“หึงนังมุตตาล่ะสิ ถึงได้พาลนายกิจ ถ้าอยากเลี้ยงเมียน้อยก็เอาเงินเดือนคุณเลี้ยงมันให้พอ อย่าใช้เงินกงสี อย่ามาก่อหนี้ให้ฉันอีก”

นพนภาเดินกะเผลกไปคว้ากระเป๋าสตางค์ของเจนภพ หยิบบัตรเครดิตตัดครึ่งฉับ เจนภพอึ้ง ต้องกับต่อโผล่มาดู ต่อยิ้มอย่างสะใจ เจนภพกับนพนภาทะเลาะกันใหญ่โต ต่อลงมาประคองแม่กลับขึ้นห้อง ต้องเดินมาหาพ่อ นัยน์ตาเศร้า บอกว่าอยากคุยกับพ่อ เจนภพอารมณ์ยังกรุ่นขอผลัดไปวันหลัง ต้องน้อยใจ มองพ่อน้ำตาคลอ...

ooooooo

บรรยากาศที่แผนกมุตตาเต็มไปด้วยความเงียบเหงา ตั้งแต่วันที่หญิงสาวยกของออกไป วีกิจมาทำงานหน้าเศร้า ยังเสียใจแทนเธอ ปริมมองด้วยความหมั่นไส้ พูดจาแดกดัน วีกิจนิ่ง ไม่ตอบโต้อะไร

ประสิทธิ์ชัยชวนเพื่อนในแผนกไปเที่ยววันหยุดสุดสัปดาห์ เพราะได้บัตรที่พักมาฟรี รัชนกแสร้งตีหน้าซื่อ บอกว่าต้องขออนุญาตพี่ชาย ตรงข้ามกับปริมที่ดี๊ด๊าขอไปด้วย พอได้ยินวีกิจปฏิเสธ ปริมอดแขวะเขาไม่ได้

“น่าเสียดายนะคะ คุณกิจน่าจะไปด้วยกัน เวลาเราทำอาหารกินจะได้มีคนคอยล้างชาม เพราะเห็นถนัด ล้างชามให้ชาวบ้านนัก”

“ของบางอย่างมีค่าฮะ ถึงต้องแปดเปื้อนไปบ้าง ก็ยังล้างออกและมีค่าเหมือนเดิม แต่ของบางอย่าง ต่อให้ไม่เปื้อนอะไร แต่เนื้อแท้มันสกปรก ใช้น้ำยาฟอกขาวก็ล้างไม่ออก ต้องปาทิ้งสถานเดียว”

ปริมหน้าม้าน อ้าปากค้าง วีกิจจ้องเธอนิ่ง รัชนกเหลือบตาดูด้วยความสะใจ...

เจนภพกับสรรค์แอบหนีเมียไปเที่ยวคลับคาราโอเกะ แอ๋ว ภรรยาสรรค์โทร.มา ขณะที่สองหนุ่มรื่นรมย์กับบรรยากาศและสาวเสิร์ฟหน้าตาจิ้มลิ้ม เจนภพเครียดแทนเพื่อน คว้ารีโมตปิดเพลง สรรค์หน้าระรื่นกดรับสาย โกหกเมียหน้าตายว่ายังทำงานอยู่แล้วกดวางสาย หันมายิ้มแววตาเจ้าเล่ห์ โชว์โปรแกรมในมือถือ บอกว่าใช้ดัดแปลงเสียงในโทรศัพท์หลอกให้เมียตายใจ เจนภพมองด้วยความทึ่ง สรรค์ยิ้มกริ่ม เปลี่ยนมาถามเรื่องมุตตา เจนภพถอนใจ

“ก็คงเลิก ตายังสาวยังสวย น่าจะเริ่มต้นใหม่ได้ไม่ยาก”

“นี่กัดฟันพูดหรือเปล่าวะ เด็กหลงเอ็งซะขนาดนั้น ถึงขนาดตบเมียเอ็งปากแตก แปลว่าเด็กมันลุยแล้วนะเว้ย”

“ลุยกับพ่อเอ็งสิ เขาทำเย็นชา ไม่ยอมให้ข้าเข้าใกล้ วันก่อนข้าปล้ำจูบ แม่คุณเอาน้ำแข็งราดเป้าข้าเฉยเลย”

สรรค์หัวเราะเสียงดัง ขำเพื่อนโดนเมียน้อยแก้เผ็ด เจนภพหน้าเซ็ง บอกว่าตอนนี้หล่อนหันกลับไปหาวีกิจ สรรค์เอะใจ ถามเพื่อนว่าแน่ใจหรือว่าเจ้าหล่อนไม่ได้แกล้งประชดยั่วให้หึง เจนภพมีความหวังขึ้นมาทันที เข้าใจท่าทีของหญิงสาวตลอดหลายวันที่ผ่านมา ยิ้มอย่างหมายมาด เริ่มคิดแผนในใจ...

มุนินทร์ไปไถ่สร้อยทองของน้องสาวคืนมาจากโรงรับจำนำ พรเดินมาคุยเรื่องคลิปที่หญิงสาวตบนพนภาตกบันไดกลางกระทรวง ยิ้มสะใจ

“ดีแล้ว อย่าไปยอมมันง่ายๆ เราน่ะเสียทั้งตัว เสียทั้งใจ แถมยังต้องมาเสียงานอีก”

“ตาเสียอะไรมากกว่านั้นค่ะ”

มุนินทร์หน้าเศร้าขึ้นมาวูบหนึ่ง ถอนใจเบาๆ พรไม่ทันมอง บอกว่าเสี่ยเจ้าของคาเฟ่ฝากมาทวงหนี้ มุนินทร์พยักหน้ารับรู้ พรบอกให้ชักดาบ ค่าที่เสี่ยเคยลวนลามมุตตาจนต้องวิ่งหนีกระเซอะกระเซิง หญิงสาวแววตา

กร้าวขึ้น ชวนพรไปหาเสี่ยคืนนี้เลย พรมองหน้าหญิงสาวงงๆ

“ไปทำไม ไปใช้หนี้มันหรือ”

“ค่ะ...ใครก่อหนี้ไว้ คนนั้นก็ต้องชดใช้ไงคะ”

มุนินทร์ตั้งใจแต่งหน้าจัด สวมเสื้อผ้าเซ็กซี่เปิดหน้านิดแหวกหลังหน่อยไปหาเสี่ยจอมหื่นกับพร เสี่ยมองหญิงสาวตาพราว ยิ้มถูกใจในความสวยยั่วยวนแปลกตา

กว่าที่เจอกันครั้งก่อน เขายิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย บอกว่าไม่ต้องรีบคืน มุนินทร์ยื่นเงินสามหมื่นให้ มองด้วยความสมเพช

“ยังไงก็เอาคืนไปเถอะค่ะ ฉันไม่ชอบเป็นหนี้ใคร ฉันกลัวเวลาจ่ายดอก คนบางคนมันไม่เอาดอกเป็นเงิน มันจะเอาเป็นอย่างอื่น”

มุนินทร์มองเสี่ยนิ่ง แววตาเย้ยหยัน เสี่ยยิ้มหวานประจบ ใช้มุกเดิมบอกพรไปหยิบกระเป๋าที่เคาน์เตอร์ด้านนอก พรไม่ยอมไป มุนินทร์ยิ้มมีประกายตาประหลาด บอกให้พรออกไปเอาของ เธอดูแลตัวเองได้ เสี่ยเริ่มลวนลามเธอด้วยสายตาทันทีที่ลับร่างพร แววตาหื่นอย่างเห็นได้ชัด

“หนูนี่สวยจริงๆ อยู่ใกล้หนู มันสปาร์กเหมือนโดนไฟฟ้าช็อต ยิ่งแต่งตัวแบบนี้เหมือนท้าพิสูจน์”

มุนินทร์แกล้งทิ้งสายตา ยิ้มหวานยั่วยวน เสี่ยมองหญิงสาวด้วยความหลงใหล

“เงินสามหมื่นไม่ต้องเอามาคืนหรอก เสี่ยจ่ายให้หนูเดือนละห้าหมื่นเลย จะเอาอะไรอีกก็บอกมา เสี่ยจัดให้”

“เอาคอนโดฯริมน้ำ แหวนเพชรเจ็ดกะรัต แล้วก็เบนซ์เจ็ดร้อยดีไหมคะ”

เสี่ยหน้าเจื่อนเล็กน้อย บอกว่าหญิงสาวล้อเล่นแน่ๆ เริ่มลูบไล้ต้นขาเธอเบาๆ มุนินทร์ยิ้มเหี้ยม ล้วงเครื่องช็อตไฟฟ้าออกจากกระเป๋าจี้ลงบนพุงเสี่ยสุดหื่น เขาร้องเสียงหลง ล้มลงไปชักกระตุกบนพื้น มุนินทร์ลุกขึ้นมองด้วยสายตาวาววับ หยิบเงินโยนลงบนพุงเสี่ย บอกว่าหมดหนี้หมดสินกันแล้ว พรกลับเข้ามามองภาพตรงหน้าตาโต

ooooooo

วีกิจยอมรับว่าคิดถึงมุตตา หญิงสาวในมาดใหม่ทำให้เขาใจเต้นทุกครั้งที่อยู่ใกล้ ความรู้สึกฉันเพื่อนเหมือนค่อยๆเลือนไป ความหวั่นไหวเริ่มเข้ามาแทน เขาไม่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนๆที่แผนก จับเจ่าดูทีวีที่บ้านกับสร้อยคำ นั่งมองมือถืออย่างลังเล สุดท้ายก็ทนไม่ไหว กดเบอร์มุตตา

มุนินทร์เพิ่งกลับจากลุยเสี่ยที่คาเฟ่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนฟ้าสาง งัวเงียตื่นมารับโทรศัพท์จากวีกิจ ชายหนุ่มได้ยินเสียงอู้อี้รู้สึกผิด เธอบอกให้เขามารับตอนเที่ยง จะชวนไปข้างนอก หญิงสาววางสายไปแล้ว วีกิจหน้าบาน ตาเป็นประกาย ดีใจวิ่งพล่านไปรอบบ้าน สร้อยคำเพิ่งออกจากครัว ถามบัวเด็กรับใช้ ว่าลูกชายเธอตื่นเต้นดีใจอะไรนักหนา บัวบอกว่าได้ยินเขาพูดโทรศัพท์กับมุตตา สร้อยคำหนักใจขึ้นมาทันที...

ประสิทธิ์ชัยมารับรัชนกที่คอนโดฯ เจอชายหนุ่มหน้าตาดีเปิดประตูรับ หน้าเหวอ พูดตะกุกตะกักว่ามีนัดกับรัชนก ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม แววตามีเลศนัย บอกให้เข้าไปรอข้างใน รัชนกลากกระเป๋าออกมาจากห้องพอดี แนะนำประสิทธิ์ชัยให้รู้จักกับศักดิ์ชาย พี่ชายของเธอ ประสิทธิ์ชัยโล่งแต่ยังวางหน้าไม่ถูก

ศักดิ์ชายทำเป็นซักไซ้ว่ามีใครไปเที่ยวกับน้องสาวบ้าง รัชนกบอกว่ามีแค่ประสิทธิ์ชัยกับปริม เพื่อนรุ่นพี่ที่แผนก ไปดำน้ำและตกปลาที่ทะเล ประสิทธิ์ชัยอยากเอาใจสาว กลั้นใจชวนชายหนุ่มไปด้วยกัน ศักดิ์ชายตอบรับ รัชนกแสร้งดีใจออกนอกหน้า ประสิทธิ์ชัยหน้าเจื่อนเหมือนอยากร้องไห้เต็มแก่ รัชนกขอตัวไปจัดกระเป๋าให้พี่ชาย ศักดิ์ชายเหยียดยิ้ม นัยน์ตามีแววประหลาด

“อ้อ...นก...เตรียมถังตกปลาอันใหญ่ไปด้วยนะ คราวนี้เราอาจจะตกได้ปลาตัวโต”

“ค่ะ ให้ปลาฮุบเหยื่ออย่างที่เคยนะคะ”

สองพี่น้องยิ้มให้กันอย่างรู้ใจ ประสิทธิ์ชัยไม่ทันมองเพราะมัวแต่เซ็ง

ปริมนั่งรออยู่แล้วที่ล็อบบี้คอนโดฯ ตั้งท่าจะแขวะรัชนกกับประสิทธิ์ชัยเหมือนเคย โทษฐานที่ให้รอนาน แต่พอเห็นชายหนุ่มหน้าตาดีเดินตามเพื่อนทั้งสองมาด้วย ก็เปลี่ยนเป็นตาค้างแทน รัชนกยิ้มเยาะ มองอย่างรู้ทัน แนะนำพี่ชายให้รู้จัก ศักดิ์ชายยิ้มหวานหว่านเสน่ห์เต็มที่ ปริมเคลิ้มเดินตามติด ประสิทธิ์ชัยมองตามอย่างเหนื่อยใจระคนเอือมระอา...

ด้านมุนินทร์กับวีกิจไปเที่ยวทะเลที่ชายหนุ่มเคยมากับมุตตาและเพื่อนๆ ทั้งสองเดินเล่นริมหาด ยิ้มให้กันอย่างสุขใจ วีกิจหยิบกล้องมาถ่ายภาพหญิงสาว เธอโพสท่าให้อย่างเต็มใจ ไร้วี่แววเขินอายเหมือนเคย เขามองหญิงสาวผ่านเลนส์ ประทับใจมากขึ้นเรื่อยๆ

“ปีหนึ่งแล้วนะฮะ ที่เรามาที่นี่กันคราวก่อน”

“หรือคะ” มุนินทร์นิ่งคิด น้องสาวเธอเคยมาที่นี่อย่างนั้นหรือ...

“แต่วันนี้อากาศเป็นใจ ไม่มืดฟ้ามัวหม่นเหมือนครั้งก่อน ตาก็ดูร่าเริง ไม่เหมือนกับ...”

“ไม่เหมือนคนที่เพิ่งโดนไล่ออกจากงานใช่ไหมคะ ที่จริงฉันก็เครียดนะคะ ถึงต้องชวนคุณมาเที่ยวไกลถึงนี่ไงคะ”

“ผมชอบทะเลฮะ มันอิสระดี”

“ฉันชอบภูเขามากกว่า มันท้าทายให้ปีนขึ้นไปสูงที่สุดเท่าที่จะสูงได้”

“ยิ่งสูงยิ่งหนาวนะครับ”

“ฉันทนได้ค่ะ”

วีกิจมองท่าทีมุ่งมั่นของหญิงสาวด้วยความประทับใจ พึงใจกับมาดใหม่ของเธอมากกว่าแปลกใจ...

สองหนุ่มสาวเดินไปเรื่อยๆ ถึงร้านอาหารริมทะเล วีกิจชวนคุยเรื่องมุตตา บอกว่าไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับเธอ นอกจากเรื่องมีไร่ดอกไม้ที่เพชรบูรณ์และมีพี่สาวหนึ่งคน มุนินทร์อึ้งเล็กน้อย ถามเสียงเรียบว่ามุตตาเคยพูดถึงพี่สาวด้วยหรือ วีกิจบอกว่าเคยพูดไม่กี่ครั้งและเขาก็จำไม่ค่อยได้

“เหมือนคุณเคยบอกว่าคุณกับพี่สาวไม่มีอะไรเหมือนกัน”

“หรือคะ ใช่ค่ะ เราไม่มีอะไรเหมือนกันเลย”

“คุณเคยบอกว่าพี่สาวคุณทำโทที่เมืองนอก ส่งเงินกลับบ้านเป็นล้าน แล้วก็เป็นลูกคนโปรดของพ่อแม่”

มุนินทร์ยิ้มขื่น แววตาเศร้า นึกถึงน้องสาวขึ้นมาจับใจ

“แล้วตาเป็นลูกชังหรือคะ ไม่จริงหรอกค่ะ”

“อ้าว...ก็คุณเล่าเองนี่ฮะ”

“ที่จริงแล้วเราสองคนพี่น้องถูกเลี้ยงมาแบบผิดๆ

ทั้งคู่ต่างหากค่ะ เราเป็นคู่แข่งกัน แย่งความรักจากพ่อกับแม่ คุณคงนึกไม่ออก พี่กับน้องคอยประชันแข่งขันกัน”

วีกิจบอกว่าเข้าใจดี ลูกๆของเจนภพกับนพนภาก็ถูกเลี้ยงแบบผิดๆเหมือนกัน ทะเลาะตบตีกันทุกวัน มุนินทร์ถอนใจเบาๆ นั่งเหม่อดูทะเล

ooooooo

ประสิทธิ์ชัยเพิ่งรู้ตัวว่าคิดผิดที่ชวนศักดิ์ชายมาเที่ยวด้วย นั่งหน้าบูดมองรัชนกกับปริมเล่นน้ำทะเลกับศักดิ์ชายอย่างร่าเริง สนิทสนมเกินเหตุ ปริมร้องกรี๊ดกร๊าดจนน่าหมั่นไส้

ศักดิ์ชายพาสองสาวมาพัก ชวนประสิทธิ์ชัยไปตกปลา ชายหนุ่มปฏิเสธเพราะเหม็นหน้า ปริมเสนอตัวขอไปด้วย ศักดิ์ชายยิ้มมีเลศนัย บอกว่าจะไปกับปริม ฝากประสิทธิ์ชัยให้ดูแลรัชนกแทน ประสิทธิ์ชัยหน้าบาน มองรัชนกด้วยสายตาเจ้าชู้ รัชนกแกล้งค้อน แต่แอบมองชายหนุ่มด้วยแววตาเชิญชวน

ประสิทธิ์ชัยชวนรัชนกดื่มค็อกเทลสีสวยจนหญิงสาวหน้าแดงก่ำ ประคองเธอกลับไปนอนที่ห้อง รัชนกแกล้งบ่นปวดศีรษะ ขยับตัวให้ชายกระโปรงเลิกสูงเห็นขาขาว ประสิทธิ์ชัยกลืนน้ำลาย รีบลุกไปเร่งแอร์ รัชนกหรี่ตามองตามหลัง ดวงตามีประกายเจ้าเล่ห์ ไร้วี่แววเมา ค่อยๆถอดเสื้อออกทิ้งลงข้างเตียง ประสิทธิ์ชัยหันกลับมามองหญิงสาวด้วยความตกตะลึง ถลาเข้าไปหาเหมือนต้องมนต์...

ขณะที่ประสิทธิ์ชัยสมหวัง วีกิจกับมุนินทร์ก็มีช่วงเวลาดีๆที่ชายทะเลด้วยกัน ทั้งสองเดินเล่นริมหาดตลอดบ่าย ถ่ายรูปคู่กัน มีเด็กชายชาวบ้านเจ้ากี้เจ้าการจัดท่าและถ่ายรูปให้ วีกิจขยับชิดหญิงสาวอย่างเกรงใจ มุนินทร์เหลือบตามองยิ้มๆ แกล้งโอบเอวและเอียงศีรษะบนไหล่เขา วีกิจเขินหน้าแดง เด็กชายบอกให้ทำท่าซารางเฮโย วีกิจหน้าแดงก่ำบอกว่าพอแล้ว เด็กชายฉีกยิ้มคืนกล้องให้วีกิจแล้ววิ่งออกไป มุนินทร์ทำหน้างง ถามเขาว่าอะไรคือท่าซารางเฮโย

“คุณตาไม่รู้จักจริงๆหรือฮะ ไม่น่าเชื่อเลย ก็คือท่าที่เขาจะยืนเอาหัวชน ยกมือขึ้นเหนือหัวมาต่อกันเป็น...”

“รูปหัวใจหรือคะ น่ารักดีิออกค่ะ ทำไมคุณไม่ยอมถ่ายล่ะคะ”

“ผมไม่ใช่เด็กแล้วน่ะสิฮะ”

“แต่บางทีคุณก็ดูเด็กนะคะ”

“ผมแก่กว่าคุณตั้งเกือบปีนะฮะ”

“รู้ไหมคะ คนเรานี่แปลกจัง ผู้หญิงน่ะกลัวใครว่าแก่ แต่ผู้ชายจะกลัวใครว่ายังเด็กอยู่”

มุนินทร์ยิ้ม ขำท่าทางหงุดหงิดนิดๆที่โดนหาว่าเด็กของชายหนุ่ม...รู้สีกดีกับเขาขึ้นเรื่อยๆ

วีกิจพามุนินทร์ไปซื้อของทะเลสดๆที่ตลาด บอกว่าจะโชว์ฝีมือทำอาหารให้เธอชิมเป็นมื้อเย็น มุนินทร์มองชายหนุ่มเลือกปลาด้วยความทึ่ง ลองเลือกบ้าง ชายหนุ่มร้องห้าม ส่งปลาที่เลือกแล้วให้แม่ค้า หญิงสาวมองเขาหน้ามุ่ย

“ทำไมต้องเป็นคุณเลือกด้วยล่ะ”

“ก็ตัวที่ตาเลือกมันไม่สดแล้ว ปลาแช่น้ำแข็งมาตั้งแต่เช้าหาสดยาก ตัวที่ผมเลือกนี่แหละสดที่สุดแล้ว”

“แล้วคุณดูยังไง”

“ก็เหมือนดูสาวไงฮะ ตาต้องใส เหงือกต้องแดง ลูบเกล็ดแล้วเรียบลื่น นุ่มชื้น ถึงจะเรียกว่าสด”

“มองไปทางอื่นได้ไหมคะ ฉันไม่ใช่ปลา”

มุนินทร์แกล้งทำหน้าบึ้ง วีกิจยิ้มกว้างประจบ หญิงสาวอดไม่ได้ หัวเราะตาม สบายใจอย่างบอกไม่ถูก สองหนุ่มสาวเลือกซื้อของทะเลสดต่ออย่างสนุกสนาน

วีกิจพาหญิงสาวไปล้างมือที่ก๊อกน้ำ ชายหนุ่มจับมือเธอช่วยล้างให้อย่างทะนุถนอม ทั้งสองประสานสายตากัน รู้สึกดีต่อกันมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ooooooo

รัชนกลืมตาขึ้นมาอย่างสมใจ ขยับตัวพิงพนักเตียงมองไปทางห้องน้ำ ยิ้มมีแผน หยิบเข็มกลัดบนหัวเตียงปักลงบนนิ้วชี้อย่างไม่ลังเล เลือดไหลซึมออกมา เธอค่อยๆจรดนิ้วกับผ้าปูเตียง จัดท่าทางซบหน้ากับฝ่ามือ ส่งเสียงสะอึกสะอื้น

ประสิทธิ์ชัยออกมาจากห้องน้ำ ตกใจเห็นรัชนกร้องไห้ เขาเดินไปหาเห็นรอยหยดเลือดบนที่นอน มองเธอด้วยความภูมิใจ แต่ก็แอบกังวลเพราะเข้าใจว่าหญิงสาวไม่ประสาเรื่องแบบนี้ รัชนกแสร้งตัดพ้อประชดประชัน ชายหนุ่มตามไม่ทันใจอ่อนยวบ ปลอบประโลมเสียงอ่อน

“โธ่...คุณนก อย่าร้องไห้เลยนะฮะ เพราะผมรักคุณนกมาก”

“รักหรือคะ รักแล้วทำไมต้องทำอย่างนี้ด้วย”

“ผมผิดเองที่อดใจเอาไว้ไม่ไหว ผมยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง”

รัชนกแสร้งร้องสะอื้นหนักกว่าเดิม ประสิทธิ์ชัยโอบกอด ลูบผมปลอบโยน

“ไม่มีอะไรต้องกังวล เชื่อผม...ผมไม่มีวันหลอกคุณ”

“ค่ะ...คุณจะไม่หลอกลวงนก” รัชนกยิ้ม แววตาเย้ยหยันสะใจ

ประสิทธิ์ชัยพารัชนกไปทานบาร์บีคิวหน้าบังกะโลที่พัก หญิงสาวยังตีหน้าเศร้าเสียดายพรหมจรรย์ กังวลใจเพราะกลัวศักดิ์ชายรู้ ประสิทธิ์ชัยพยายามปลอบ สัญญาเป็นมั่นเหมาะว่าจะรับผิดชอบ ศักดิ์ชายโทร.เข้ามา บอกว่าจะค้างที่เกาะเพราะปริมเมามาก ประสิทธิ์ชัยดีใจออก นอกหน้าจะได้อยู่กับรัชนกสองต่อสองอีกคืน รัชนกแอบยิ้มเยาะ...

ด้านวีกิจกับมุนินทร์ช่วยกันทำบาร์บีคิวที่ริมหาดหน้าบังกะโล หญิงสาวมองชายหนุ่มปรุงอาหารด้วยความทึ่งและเพลิดเพลิน เล่าให้เขาฟังว่าเธอไม่มีความสามารถเรื่องทำกับข้าวเลย ชายหนุ่มหยิบอาหารทะเลที่สุกแล้วใส่จานให้ เธอรับขึ้นมาชิมแล้วทำตาโต ชมว่าอร่อยมาก วีกิจยิ้มเขิน ดีใจที่หญิงสาวชอบสิ่งที่เขาทำ

หลังอาหารค่ำแสนอร่อย วีกิจกับมุนินทร์ย้ายมานั่งคุยกันที่ระเบียงหน้าบังกะโล ชี้ชวนกันดูดาวอย่างมีความสุข หญิงสาวนั่งเหม่อ นึกถึงเรื่องของตัวเองกับแฝดน้องขึ้นมา รู้สึกสลดใจ

“บ้านฉันที่เพชรบูรณ์นะคะ คืนเดือนมืดจะเห็นดาวเต็มไปหมดทั้งท้องฟ้า แต่ฉันแทบไม่เคยอยู่เห็นมันเลย มีอะไรมากมายที่ฉันคิดไว้ว่าจะทำ แต่กลับปล่อยให้มันล่วงเลยไป จนในที่สุดก็สายเกินไป”

วีกิจยิ้มปลอบใจ บอกให้เธอเขียนสิ่งที่อยากทำและค่อยๆทำไปทีละอย่าง คงไม่มีอะไรสายเกินไปอีก หญิงสาวซาบซึ้งใจ ประทับใจการมองโลกในแง่ดีของเขา สบายใจขึ้นมาก ชายหนุ่มเริ่มหาว เธอมองยิ้มๆ ไล่ให้เขาไปนอน วีกิจเดินกลับไปที่ระเบียงหลังส่งหญิงสาวเข้าห้องแล้ว สูดลมหายใจเข้าปอดอย่างมีความสุข...

เช้าวันรุ่งขึ้น...มุนินทร์ตื่นด้วยความสดชื่น เดินออกจากห้องพัก แว่วเสียงฮัมเพลงจากห้องครัว วีกิจกำลังทำอาหารเช้าให้เธอ หญิงสาวรับมาชิม บอกเขายิ้มๆ

“ลาออกจากกระทรวงเถอะค่ะ มาช่วยฉันเปิดร้านอาหารดีกว่า ฉันลงทุน คุณเป็นพ่อครัว”

“อย่าพูดเล่นนะครับ ผมเอาจริงนะ” วีกิจมองหน้าเธอจริงจัง

“ตอนนี้พูดเล่นก่อนค่ะ รอให้ฉันมีทุนก่อน ฉันจะให้คุณร่วมหุ้นกับฉันแน่ๆ”

“แค่หุ้นส่วนร้านอาหารเหรอครับ ผมไม่ได้เก่งแค่ปรุงอาหารนะ ผมยังเก่งในการปรุงรส...”

มุนินทร์มองหน้าเขานิ่ง วีกิจยิ้มเขิน หน้าแดงก่ำ หลบตา

“ปรุงรสชาติชีวิตมั้งครับ”

วีกิจหัวเราะเขินๆ มุนินทร์มองเขาด้วยความเอ็นดู ปลื้มที่เขาจีบ แต่ก็แอบเศร้าเพราะคิดว่าเขาหลงรักน้องสาวเธอต่างหาก ถ้าเขารู้ว่าเธอไม่ใช่มุตตา เขาคงจะหมดรักเธอเหมือนที่เคยเป็นมา

มุนินทร์แต่งตัวสวยเตรียมกลับกรุงเทพฯ เดินมาเจอวีกิจหลับรอที่เก้าอี้ยาวหน้าบ้านพัก เธอลอบมองเขาด้วยสายตาอ่อนโยน นั่งลงข้างๆ มองไปข้างหน้าอย่างทอดถอนใจ ค่อยๆเอนตัวพิงร่างเขา ทันใดนั้นเอง...

ชายหนุ่มกระชับร่างของเธอให้เบียดกับร่างเขาทั้งที่ยังหลับอยู่ เธอหันไปมองคิดว่าเขาแกล้งหลับ แต่พบว่าเขาหลับจริงๆ แอบยกมือถือถ่ายรูปคู่กับเขา ยิ้มน้อยๆสุขใจได้อยู่ในอ้อมกอดเขา ทั้งอบอุ่นและสบายใจ...

ooooooo

นพนภานัดประพงส์มาที่บ้าน หน้าตาเธอยังคงมีรอยช้ำ บอกให้เขาส่งลูกน้องไปช่วยงานสำคัญ ประพงส์ยิ้มรับ นึกรู้ว่าเป็นงานประเภทไหน

ต้องเห็นประพงส์ นึกสนุกแต่งตัวด้วยชุดเซ็กซี่เปิดเนื้อหนังดักรอเขาหน้าบ้าน ขอให้เขาไปส่งที่โรง– เรียนกวดวิชา ต้องขยับตัวยั่วยวนมาเฟียหนุ่ม ประพงส์ หน้านิ่งไม่แสดงท่าทีอะไร ต้องถามเรื่องที่เขาคุยกับนพนภา

“คุณแม่วางแผนการอะไรอีกคะนี่ คงไม่ใช่เรื่องส่งคนไปจัดการกับเมียน้อยอีกนะคะ”

“เรื่องของผู้ใหญ่น่าปวดหัวออกครับ อย่าไปสนใจเรื่องของผู้ใหญ่เลย”

“ต้องไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ”

“ผมรู้ครับ”

ประพงส์ซ่อนรอยยิ้ม ขับรถสวนกับรถเจนภพที่หน้าปากซอย เจนภพมองมาเฟียหนุ่มเขม็ง ประพงส์

ยิ้มนิดๆ ค้อมศีรษะให้ ต้องมองพ่อด้วยความสะใจ เจนภพเริ่มเครียด

เจนภพเดินเข้าบ้านด้วยความหงุดหงิด แขวะเมียเสียงเข้มที่ปล่อยให้ต้องไปกับพวกมาเฟีย ไม่รักษาหน้าผัวที่เป็นข้าราชการ นพนภาไม่สนใจ เหยียดยิ้มตอกกลับ

“แต่ฉันเป็นแม่ค้า ต้องรู้จักคนทุกประเภท ไม่ใช่เลือกลูกท่านหลานพระยาอยู่”

“แล้วยายต้องน่ะเป็นสาวแล้วนะ คุณปล่อยให้ไปกับผู้ชายได้ยังไง”

“ทำไม กลัวมันโดนปล้ำเหรอ กลัวมันไปปล้ำใครเข้าดีกว่า เพราะว่าเลือดพ่อมันแรง พล่านไปหมดทั้งตัวแล้ว!”

เจนภพมองเมียอย่างระอาที่ชอบพูดแดกดันตนกับต้อง ต่อยืนฟัง ยิ้มสะใจ...

เจนภพไม่อยากอยู่บ้านเพราะยังเคืองเมียไม่หาย แวะไปหาวีกิจ เห็นชายหนุ่มนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ดูรูปคู่กับมุตตาในจอคอมพิวเตอร์ รู้สึกหึงแต่พยายามข่มไว้

“ไง นายกิจ เมื่อคืนไปไหนมา”

“จะเป็นไรไหมฮะ ถ้าผมจะบอกว่าผมไปกับตา”

“แกเสนอตัวเป็นเพื่อนปลอบใจเขาก็ดีแล้ว ไง... ปลอบใจกันถึงใจดีไหมล่ะ”

“ถ้าอาภพอยากถามว่าผมมีอะไรกับตาหรือเปล่า คำตอบคือเปล่า เพราะผมตั้งใจจะเป็นเพื่อนที่ดี ส่วนเรื่องอื่น...ก็แล้วแต่อนาคต”

“ฉันหวังว่าแกคงจะรู้ว่าอะไรควรจะเล่น อะไรควรจะจริง”

“สำหรับผมคงไม่มีอะไรเล่นๆหรอกฮะ เพราะแม่สอนให้ผมให้เกียรติผู้หญิงทุกคน”

“แต่แม่แกก็น่าจะสอนด้วยว่า ผู้หญิงไม่ได้มีเกียรติเท่ากันทุกคน”

“ก็คงใช่ฮะ เพราะผู้ชายเองก็ไม่ได้มีเกียรติเท่ากันทุกคนเหมือนกัน!”

วีกิจโกรธอาแต่ข่มไว้ เจนภพหน้าตึง ฝากหลานไปบอกหญิงสาวให้กลับไปจัดการเรื่องเอกสารลาออก ด้วย...

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น