ตอนที่ 6
มุนินทร์เสียใจเรื่องมุตตามาก ตัดสินใจสวมรอยเป็นน้องสาวเพื่อสืบหาความจริง เริ่มด้วยการกลับไปที่หอพักของมุตตาที่กรุงเทพฯ เจอฤดีเม้าท์เรื่องมุตตากับศรีอยู่พอดี
“เฮ้อ แม่มุตตานี่ไม่คิดเลยจริงๆ ทีแรกน่ะเหมือนนางฟ้านางสวรรค์ แต่ลงท้าย...”
มุนินทร์ก้าวออกมายืนเด่น ฤดีกับศรีสะดุ้งมองดูมุตตาที่หน้าตาเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ดูผิดแผกด้วยเครื่องแต่งกายที่เปลี่ยนไป เนี้ยบทั้งตัวตั้งแต่หัวจดเท้า แววตาดูแข็งกร้าวเป็นประกายเจิดจ้า เลิกคิ้วถามยิ้มๆ
“ลงท้ายเป็นยังไงหรือคะ”
ฤดีอึกอัก ทำทีเข้ามาจับไม้จับมือ ดีใจที่หญิงสาว กลับมา ศรีชมว่าสวยขึ้น มุนินทร์มองดูฤดีกับศรีอย่างประเมิน
“หนูตากลับบ้านเก่าแล้วสบายใจขึ้นใช่ไหมคะ” ฤดีถาม
“ค่ะ ตากลับบ้านเก่าไปแล้ว ขอกุญแจด้วยนะคะ ฉันจะขึ้นห้องแล้ว”
ฤดีงง มุนินทร์โกหกหน้าตายว่าหาไม่เจอ ฤดีหน้างอด้วยความงก บอกว่าขอใหม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม มุนินทร์ไม่ยี่หระ เปิดกระเป๋าถือใบหรู คว้ากระเป๋าสตางค์แบรนด์เนม หยิบธนบัตรใบละพันเป็นปึกออกมา ยื่นใบหนึ่งให้ ฤดีกระชากเงินไป กุลีกุจอบอกให้ศรียกกระเป๋าและพามุตตาขึ้นห้อง มุนินทร์เดินตาม ชะงักหันมาพูดยิ้มๆ
“อ้อ เรื่องนางฟ้านางสวรรค์น่ะ มันเป็นยากค่ะ สู้เป็นนางมารร้ายไม่ได้ งานถนัดฉันเลย”
ฤดีกับศรีอ้าปากค้าง ประหลาดใจกับวาจาที่เปลี่ยนไปของมุตตา...
ศรีพามุนินทร์มาที่ห้องของมุตตา แปลกใจนิดหน่อยที่มุตตามาดใหม่ จำไม่ได้ว่าห้องอยู่ชั้นไหน เบอร์อะไร มุนินทร์เดินสำรวจรอบๆ เห็นรูปมุตตาถ่ายคู่กับผู้ชาย นึกสงสัยว่าเป็นแฟนกัน เธอหยิบดอกไม้
คริสตัลมาดู ยิ้มอย่างถูกใจ แล้วเปิดกล่องกระดาษใบเล็กที่วางอยู่ข้างๆ หยิบการ์ดของขวัญและโปสการ์ดในนั้นขึ้นมาดูทีละใบ อ่านทุกข้อความเพื่อเก็บข้อมูล จดชื่อที่เธอเห็น ประสิทธิ์ชัย แจงจิต อรพิม ทิพอาภา และวีกิจ ลงสมุดเอาไว้
มุนินทร์จัดเสื้อผ้าของเธอเข้าตู้ ทำหน้าเบ้ที่เห็นเสื้อผ้าแนวหวานๆของมุตตา เห็นกล่องกระดาษใบใหญ่วางอยู่ ยกขึ้นมาเปิดดู ชิ้นแรกชุดแต่งงานสีขาวสะอาด บริสุทธิ์บอบบางเหมือนคนซื้อ มุนินทร์โยนมันลงพื้น นึกสมเพชมุตตาที่ช่างเพ้อฝันและโง่เขลานัก หยิบชิ้นต่อไป ขวดน้ำหอม ดอกลิลลี่ เชือกผูกผม และหนังสือโรแมนซ์ที่มีลายมือเขียนอยู่
“ให้ตาไว้อ่าน แน่ใจว่าตาต้องชอบ”
มุนินทร์ครุ่นคิด เขียนเครื่องหมายคำถามลงในสมุดต่อจากชื่อวีกิจ เธอต้องรู้ให้ได้ว่าเจ้าของหนังสือและของทั้งหมดในกล่องใบนี้คือใคร...
ooooooo
พรเปิดประตูห้องออกมาเจอมุตตาในมาดใหม่ ดีใจทักทายเสียงตื่นเต้น มุนินทร์มองหน้าสาวใหญ่ข้างห้องนิ่ง เห็นแววตาจริงใจเปิดเผยก็ผ่อนท่าทีลง ยิ้มบางๆ บอกว่ากลับมาเมื่อเช้า
“กลับไปแค่อาทิตย์เดียว ทำไมดูแปลกไป ผิวคล้ำขึ้น ผมหยิก แต่งตัวเนี้ยบเหมือนไม่ใช่มุตตาคนเดิม”
“ก็ไม่ใช่น่ะสิคะ”
มุนินทร์ตาวาว พรคิดว่าหมายถึงอกหักแล้วอาการดีขึ้น ดึงมือมุนินทร์ไปกุม พูดปลอบว่าดีแล้วที่คิดได้
“เฮ้อ ไปยุ่งกับคนมีเมียแล้ว มันก็ซวยอย่างนี้แหละ”
มุนินทร์นิ่วหน้า เริ่มเก็บข้อมูล พรเล่าว่าช่วงที่น้องสาวเธอไม่อยู่ วีกิจแวะมาหาสองครั้ง แต่ ผอ.คนดีของมุตตาไม่มาเลยสักครั้ง มุนินทร์ขมวดคิ้ว คิดว่าจะต้องใส่ ผอ.ในรายชื่อที่ต้องค้นหาอีกคน
“ตาดูเปลี่ยนไปจริงๆ คงเป็นเพราะผมนี่ล่ะมั้ง”
“หรือคะ งั้นเดี๋ยวฉันไปยืดดีกว่า จะได้เหมือนมุตตาคนเดิม”
พรอาสาพาไป แต่ขอกลับไปเอาของในห้องก่อน ศรีถือคีย์การ์ดมาให้ มุนินทร์แปลกใจที่ได้เร็ว ศรีเม้าท์ว่า ฤดีมีสำรองมากมายแต่แกล้งโยกโย้เพราะอยากได้เงินเพิ่ม มุนินทร์หยิบเงินให้ บอกว่าไม่ต้องทอน และถามชื่อพร ศรีงงนิดหน่อยแต่ไม่คิดอะไรเพราะดีใจที่ได้ทิป
มุนินทร์ไปยืดผมที่ร้าน เจ๊ช่างผมถามว่าทำไมถึงเปลี่ยนใจดัดผม ไหนเคยบอกว่าไม่ชอบ
“ตาเคยบอกเจ๊อย่างนั้นหรือคะ”
“ก็หนูเคยพูดเอง จำไม่ได้หรือ ว่าแต่หนูไปดัดร้านไหนมานี่ ยังกับผมหยิกธรรมชาติเลย”
“แม่ฉันเคยพูดค่ะ ว่าผมตรงน่ะผมนางฟ้า แต่ผมหยิกน่ะผมนางยักษ์”
มุนินทร์ยิ้มขื่นๆ นัยน์ตาแฝงความเจ็บปวด
มุนินทร์กลับมาหอพร้อมผมตรงสลวย ดูอ่อนหวานเหมือนน้องสาว แต่แววตาคมกร้าว ฤดีทวงค่าเช่าห้องที่เลยกำหนดไปแล้วครึ่งเดือน มุนินทร์หยิบปึกธนบัตรใบละพันออกมานับและยื่นให้อย่างไม่ลังเล ฤดีตาโตเห็นเงินก้อน
“ขอบใจจ้ะ ต๊าย หนูตาไปร่ำรวยอะไรมาคะ”
“อ๋อ เงินช่วยงานน่ะค่ะ ที่บ้านเพิ่งมีงานมา” มุนินทร์เอ่ยเสียงเครียด นึกถึงงานที่ว่า...งานศพของมุตตา!
มุนินทร์กลับไปที่ห้อง ดึงผ้าคลุมเตียงออก เห็นโทรศัพท์มือถือของมุตตา นำไปชาร์จไฟสักครู่แล้วลองเปิดเครื่อง มีข้อความส่งมามากมาย เธอกดดูทีละข้อความ มีทั้งจากวีกิจ เพื่อนคนอื่นๆและ...บอส ลองกดเข้าไปดู เห็นเป็นข้อความเสียงจึงกดฟัง
“ตา ผมเองนะ ทำไมตาถึงไม่ไปตามนัด ผมเป็นห่วงตามากนะ แล้วผมจะโทร.หาใหม่ ผมรักตา”
มุนินทร์เลิกคิ้ว มองดูมือถือด้วยแววตาเย้ยหยัน โกรธแค้น เธอกดดูข้อความอื่นๆของบอสที่มุตตายังเก็บไว้
“ตา...ตาคือดอกลิลลี่สีขาว บริสุทธิ์ นิยายที่ผมให้ตามันจบเศร้า แต่เรื่องของเราจะจบด้วยความสุข ผมจะจำฮันนีมูนของเราตลอดไป”
มุนินทร์ยิ้มเยาะ กดดูหมายเลขโทรศัพท์เก็บไว้เป็นข้อมูล หลังจากนั้นเธอเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ เจอกล่องชุดทดสอบการตั้งครรภ์ เปรยลอยๆ เหมือนถามมุตตา
“นี่ใช่ไหม ผลพวงจากการฮันนีมูนของเธอ!”
ข้าวของหลายอย่างของมุตตาค่อยๆ เปิดเผยเรื่องราวเมื่อหนึ่งปีก่อน เหลือเพียงตัวละครในเรื่องที่มุนินทร์ต้องตามหา เธอเริ่มต้นหาข้อมูลที่ทำงานของน้องสาว เกิดอะไรกับแฝดน้องของเธอกันแน่ มุตตาคนเดิมตายไปแล้ว ต่อจากนี้จะมีแต่มุตตาคนใหม่
ooooooo
วีกิจแวะมาหามุตตาที่หอเหมือนเคย เขาเดินไปที่ล็อบบี้ เจอฤดีกับศรีถกเถียงกันเรื่องละครทีวี
“คนดีแสนดี อีนังนางเอกก็ไม่รัก ดันไปรักคนเลว เหมือนแฟนคนแรกของพี่มุตตาไง น่ารักจะตาย ดันไม่เอา”
“แกน่ะไม่รู้อะไรนังศรี หนุ่มๆ น่ะมันไก่อ่อน แต่ไอ้แก่น่ะทีเด็ดมันแพรวพราว แม่มุตตาถึงเสร็จไง”
วีกิจยืนอึ้ง สองสาวหันมาเจอ หน้าเสีย วีกิจถามถึงมุตตา ศรีบอกว่ากลับมาแล้ว อาสาไปตามให้ จังหวะเดียวกันนั้น มุนินทร์ในชุดหวานของน้องสาวผลักประตูเข้ามา เห็นวีกิจก็จำได้ ท่าทีแข็งกระด้างขึ้น วีกิจยิ้มดีใจ มุนินทร์สัมผัสได้ถึงความจริงใจจากท่าทางเปิดเผยและรอยยิ้มกว้างนั้น ค่อยๆ ผ่อนลง ชวนเขานั่งคุยที่โซฟา
“ตอนเห็นคุณครั้งสุดท้าย เหมือนกับว่าคุณจะไม่กลับมาอีกแล้ว”
“ใช่มั้งคะ มุตตาคนเดิมจะไม่กลับมาแล้ว”
“ตาคิดถูกแล้วที่กลับมา ตามีสิทธิ์”
“แล้วถ้า...ไม่กลับมาล่ะคะ”
“ผมก็คงผิดหวังที่คุณไม่ทำอะไรเพื่อตัวเองเลย มันไม่ใช่ความผิดของคุณ ต้นเหตุคือเขาต่างหาก”
มุนินทร์พยักหน้า ตาวาว และเธอต้องรู้ให้ได้ว่าเขาคือใคร?
หลังจากนั้น วีกิจพามุนินทร์ไปทานข้าวที่ร้านโปรดของมุตตา เธอเหลือบตามองรอบๆ รสนิยมน้องสาวเธอช่างแตกต่างจากเธอเสียเหลือเกิน มุนินทร์สั่งกาแฟ วีกิจแปลกใจ
“อ้าว คุณตากินกาแฟตั้งแต่เมื่อไหร่ คุณเคยบอกว่ากินแล้วใจสั่นไม่ใช่หรือฮะ”
“ตอนนี้ใจฉันแข็งแรงแล้วค่ะ ไม่อ่อนแอเหมือนแต่ก่อนแล้ว”
วีกิจเข้าใจว่าเธอพูดประชด มุนินทร์ยิ้ม แววตาคมกล้า บอกว่าแค่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง วีกิจดีใจคิดว่าเธอคิดได้ มุนินทร์บอกว่าหมดเวลาร้องไห้เสียน้ำตาแล้ว ต้องเดินไปข้างหน้าเสียที
“คุณพูดเหมือนคุณปลงตกแล้ว”
“ปลงตกหรือคะ ฉันอยู่ห่างไกลจากคำนั้นมากค่ะ”
“ชีวิตมันก็อย่างนี้ล่ะฮะ เอาแน่อะไรไม่ได้ เรื่องนี้ผมไม่อยากโทษอาภพคนเดียว”
มุนินทร์เลิกคิ้ว ทวนชื่อในใจ อาภพคือใคร?
“แต่ก่อนตาคงหวังไว้มากน่ะค่ะ คุณคิดว่าฉันควรจะทำยังไงล่ะคะ ไปยุ่งกับคนมีลูกมีเมียแล้ว”
“ผมบอกอะไรไม่ได้หรอกฮะ แต่ผมไม่คิดว่าอาภพจะทิ้งลูกทิ้งเมียมาเลือกคุณ”
“แต่ตาเป็นคนเสียหาย สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่หรือคะ”
“ครอบครัวทำให้เขาก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เขาไม่มีวันทำลายตัวเอง”
“แต่ทำลายคนอื่นได้ใช่ไหมคะ”
มุนินทร์เริ่มหงุดหงิด เขาถอนใจเบาๆ บอกว่าเป็นห่วง ไม่อยากให้เธอตอบโต้อย่างไร้สติ มุนินทร์ผ่อนลงเอ่ยขอบคุณสำหรับความหวังดี เธอรู้สึกดีกับเขามากขึ้น ชวนเขาสั่งอาหารจานโปรดของมุตตาที่เธอไม่เคยรู้เลย...
หลังแยกกับมุนินทร์ วีกิจกลับบ้าน เจอนพนภาจัดปาร์ตี้บาร์บีคิว มีเจนภพ ต้อง ต่อ ต้อม และสร้อยคำร่วมด้วยอย่างสนุกสนาน เขาถามนพนภาว่าเนื่องในโอกาสอะไร เธอบอกว่าฉลองเตาบาร์บีคิวอันใหม่ เพื่อครอบครัวที่อบอุ่น วีกิจถอนใจนิดๆ หวังว่าคงจะไม่อุ่นจนร้อน
ต้องเดินมาคุยกับต่อที่ยืนปิ้งบาร์บีคิว ต่อบอกว่าช่วงนี้พ่อกับแม่ดีกันเพราะเมียน้อยหายตัวไป ต้องไม่เชื่อ บอกว่าอาจมีคลื่นใต้น้ำรออยู่
“เฮ้อ ความสุขในบ้านเรา ทำไมมันสั้นนัก” ต่อเปรยเศร้าๆ
“นายเลยต้องไปหาความสุข ด้วยการแช็ตกับหนุ่มๆในอินเตอร์เน็ตใช่ไหม” ต้องแขวะ
“แล้วพี่ล่ะ คุยกับไอ้แจ็คถึงเช้า รับขนมมาจากมันด้วยนี่ ทั้งขนมทั้งน้ำแข็งเลย” ต่อย้อนโกรธๆ
ต้องหน้าเครียด ร้องห้ามน้องไม่ให้บอกใคร ต่อยิ้มหยันแล้วเดินแยกไป สร้อยคำเดินมาเห็นต้องดูซึมๆ กอดปลอบ เข้าใจว่าหลานเศร้าที่ครอบครัวขาดความอบอุ่น
เจนภพมาคุยกับวีกิจ ทักว่าเขาดูสดชื่น ท่าทาง เหมือนมีอะไรดี วีกิจบอกว่าตอนนี้สบายใจมาก เพราะเพิ่งไปทานข้าวกับมุตตามา เจนภพชะงัก เหลือบดูนพนภา ท่าทีระแวดระวังมากขึ้น
“นี่ตานัดเจอกับแกหรือ เขาว่ายังไงบ้าง”
“ก็ไม่เห็นว่าอะไรนี่ฮะ นอกจากบอกว่าจะไปทำ งานพรุ่งนี้”
“เขาไม่ได้พูดถึงฉันเลยหรือ”
“ไม่นี่ฮะ เราคุยกันเรื่องโน้นเรื่องนี้มากกว่า”
เจนภพอึ้งไปนิด แต่รีบเปลี่ยนสีหน้าให้ปกติ นพนภาเดินหน้าระรื่นมาพอดี...
เจนภพร้อนรนเมื่อรู้ว่ามุตตากลับมาแล้ว เขาโทร.หาเธอคืนนั้น มุนินทร์กำลังค้นหาข้อมูลเขาในอินเตอร์เน็ต เห็นชื่อบอสโทร.เข้ามือถือมุตตา ยิ้มหยันกดรับ เจนภพดีใจได้ยินเสียงเธออีกครั้ง
“ถ้าตายังโกรธผมอยู่ก็ไม่เป็นไร แต่อย่าลาออกเลยนะ จะไม่พูดกับผมสักคำหรือ แล้วเจอกันที่ทำงานพรุ่งนี้”
“ค่ะ ฉันจะไปเจอหน้าคุณพรุ่งนี้”
นพนภาเดินเข้ามาเรียกเจนภพเสียงดังเข้าไปในสาย มุนินทร์รีบเก็บข้อมูล เจนภพขอวางสาย แกล้งพูดโทรศัพท์กับสรรค์และวางสายให้เมียได้ยิน หันไปออเซาะเล้าโลม นพนภาเคลิ้มปลื้มใจ
ด้านมุนินทร์ เริ่มค้นหาข้อมูลตัวละครต่อไป... นพนภา ภูวนารถ!
ooooooo
วีกิจประทับใจมุตตาในมาดใหม่มาก แม้เธอจะดูเหมือนมุตตาคนเดิมทุกอย่าง แต่แววตาเปล่งประกายเจิดจ้าของเธอเหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างสะกดเขาไว้ ให้ไม่อาจละสายตาจากเธอได้ เขามารับเธอไปทำงาน เธอมองดูเนกไทเส้นเล็กบางของเขาแล้วทำหน้าแปลกๆ แต่ไม่ว่าอะไร
วีกิจขับรถไปเรื่อยๆ หันมามองหญิงสาวข้างๆ เห็นเงียบไป ถามว่าคิดอะไรอยู่
“หลายอย่างค่ะ แล้วแต่ละอย่างก็ไม่ใช่เรื่องดีด้วย”
“ไม่มีอะไรดีงามได้ตลอดหรอกครับ ขึ้นอยู่กับเราต่างหากที่จะเป็นคนเลือก”
“ถ้าฉันเลือกเขาล่ะคะ”
“ผมก็จะเสียดายแทนคุณ เสียดายแทนพ่อกับแม่คุณ”
“ค่ะ พ่อกับแม่...คงเสียใจมาก”
มุนินทร์มองหน้าวีกิจ ยิ้มบางๆ แต่แววตาสะเทือนใจ
มุนินทร์ปรากฏตัวในคราบของมุตตามาดใหม่ วีกิจพาเธอมาหาประสิทธิ์ชัย รัชนก ปริม นักรบ ฉกรรจ์และเลอลักษณ์ ทุกคนเห็นเธอแล้วสะดุ้งเฮือก มุนินทร์กล่าวทักทุกคน มองแต่ละคนอย่างประเมิน โดยเฉพาะปริมกับรัชนก
ปริมมองมุนินทร์อย่างไม่เป็นมิตร ทั้งหมั่นไส้และอิจฉา มุนินทร์จับตามองอยู่แล้ว เห็นท่าทางของปริมต่อวีกิจนึกอยากแกล้ง เดินไปจัดเนกไทของวีกิจให้เข้าที่ วีกิจอึ้งหน้าแดง ปริมของขึ้น มุนินทร์ปรายตามอง บอกวีกิจเสียงหวานให้เดินไปส่งที่แผนก เขาไม่ปฏิเสธ เธอหันไปยิ้มเยาะนิดๆให้ปริม แล้วเดินเคียงวีกิจไป
มุนินทร์เห็นสายตาของผู้คนในกระทรวงจ้องมองเธอ ทั้งสมเพช ดูถูก และเย้ยหยัน สีหน้าเคร่งขึ้น นึกเวทนาน้องสาว ท่าทางมุตตาจะทนแรงกดดันทางสังคมไม่ไหว ถึงต้องหนีกลับบ้าน วีกิจปลอบใจเธอ
“คุณตา อย่าสนใจเลยฮะ”
“ใครว่าล่ะคะ น่าสนใจจะตาย”
มุนินทร์เชิดหน้า ยิ้มเหยียดนิดๆ เธอจะต้องรู้ให้ได้ว่าใครบ้างที่ทำให้มุตตาต้องตกอยู่ในสภาพนี้!
เมื่อวีกิจพาเธอมาส่งที่แผนก แจงจิต อรพิม และทิพอาภาตื่นเต้นดีใจมากที่เห็นเธอ มุนินทร์เห็นแววตาหวังดีและจริงใจ แววตาอ่อนแสงลง ยิ้มอย่างผูกมิตร
“นึกว่าจะไม่กลับมาแล้ว อย่าคิดอะไรมาก ผิดพลาดไปแล้วก็เริ่มใหม่ได้ เคยมีบทเรียนแล้วก็ใช้มันสอนตัวเอง”
มุนินทร์ยิ้มรับ ขอบคุณแจงจิตเบาๆ
“เฮ้อ...ตา ไม่รู้ว่าเธอปล่อยให้เป็นอย่างนี้ได้ยังไง” อรพิมถามเสียงเศร้า
“เป็นกรรมของตามั้ง” มุนินทร์ตอบเสียงอ่อน
อรพิมและทิพอาภาพามุนินทร์ที่เข้าใจว่าเป็นมุตตา มาที่โต๊ะทำงาน เล่าเรื่องช่วงที่มุตตาไม่อยู่ว่า นพนภามาคุมเจนภพทุกวัน เพิ่งเลิกตามไม่นานเพราะคิดว่ามุตตาลาออก มุนินทร์เก็บข้อมูล หันไปมองห้องเจนภพอย่างหมายมาด
เมื่อได้รับคำสั่งจากแจงจิตให้พิมพ์รายงานการประชุม มุนินทร์ถามหาพาสเวิร์ดเปิดเครื่องของมุตตา ทุกคนแปลกใจที่เธอลืม ไม่มีใครช่วยเธอได้ มุนินทร์ยักไหล่ ลองใส่เลขวันเกิด รหัสผ่าน เธอถอนใจเบาๆ
“เธอนี่ ไม่รู้จักป้องกันตัวเองเลยนะมุตตา”
เจนภพมาทำงาน เห็นมุตตาในมาดใหม่ มองด้วยสายตาโหยหา โลมเลีย มุนินทร์รู้สึกถึงความเงียบรอบๆ ตัว เงยหน้าขึ้นเห็นเจนภพจ้องเธอตาเชื่อม เธอยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก มองตอบด้วยประกายตาเจิดจ้า ค่อยๆหรี่ลงอย่างสงวนท่าที อรพิมกับทิพอาภายกมือไหว้เจ้านาย แจงจิตยื่นแฟ้มเอกสารให้ บอกว่าเป็นเรื่องให้เซ็นอนุมัติ เจนภพแอบส่งสายตาให้มุนินทร์อีกรอบ เธอมองตอบ แววตาท้าทาย แล้วก้มลงทำงานต่ออย่างไม่แยแส
ooooooo
มุนินทร์ง่วนกับการใช้แป้นพิมพ์ภาษาไทยที่ไม่คุ้นเคยเพราะอยู่เมืองนอกมานาน วีกิจแวะมาชวนเธอและเพื่อนๆ ไปทานกลางวันข้างนอก มุนินทร์ถามทำไมไม่ทานที่โรงอาหาร เขาบอกว่ากลัวเธอเป็นเป้าสายตา มุนินทร์ยิ้มเยาะ
“หรือคะ งั้นก็ไปให้เขาดูให้เต็มตาเลยดีกว่า”
“เฮ้อ แม่มุตตานี่ไม่คิดเลยจริงๆ ทีแรกน่ะเหมือนนางฟ้านางสวรรค์ แต่ลงท้าย...”
มุนินทร์ก้าวออกมายืนเด่น ฤดีกับศรีสะดุ้งมองดูมุตตาที่หน้าตาเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ดูผิดแผกด้วยเครื่องแต่งกายที่เปลี่ยนไป เนี้ยบทั้งตัวตั้งแต่หัวจดเท้า แววตาดูแข็งกร้าวเป็นประกายเจิดจ้า เลิกคิ้วถามยิ้มๆ
“ลงท้ายเป็นยังไงหรือคะ”
ฤดีอึกอัก ทำทีเข้ามาจับไม้จับมือ ดีใจที่หญิงสาว กลับมา ศรีชมว่าสวยขึ้น มุนินทร์มองดูฤดีกับศรีอย่างประเมิน
“หนูตากลับบ้านเก่าแล้วสบายใจขึ้นใช่ไหมคะ” ฤดีถาม
“ค่ะ ตากลับบ้านเก่าไปแล้ว ขอกุญแจด้วยนะคะ ฉันจะขึ้นห้องแล้ว”
ฤดีงง มุนินทร์โกหกหน้าตายว่าหาไม่เจอ ฤดีหน้างอด้วยความงก บอกว่าขอใหม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม มุนินทร์ไม่ยี่หระ เปิดกระเป๋าถือใบหรู คว้ากระเป๋าสตางค์แบรนด์เนม หยิบธนบัตรใบละพันเป็นปึกออกมา ยื่นใบหนึ่งให้ ฤดีกระชากเงินไป กุลีกุจอบอกให้ศรียกกระเป๋าและพามุตตาขึ้นห้อง มุนินทร์เดินตาม ชะงักหันมาพูดยิ้มๆ
“อ้อ เรื่องนางฟ้านางสวรรค์น่ะ มันเป็นยากค่ะ สู้เป็นนางมารร้ายไม่ได้ งานถนัดฉันเลย”
ฤดีกับศรีอ้าปากค้าง ประหลาดใจกับวาจาที่เปลี่ยนไปของมุตตา...
ศรีพามุนินทร์มาที่ห้องของมุตตา แปลกใจนิดหน่อยที่มุตตามาดใหม่ จำไม่ได้ว่าห้องอยู่ชั้นไหน เบอร์อะไร มุนินทร์เดินสำรวจรอบๆ เห็นรูปมุตตาถ่ายคู่กับผู้ชาย นึกสงสัยว่าเป็นแฟนกัน เธอหยิบดอกไม้
คริสตัลมาดู ยิ้มอย่างถูกใจ แล้วเปิดกล่องกระดาษใบเล็กที่วางอยู่ข้างๆ หยิบการ์ดของขวัญและโปสการ์ดในนั้นขึ้นมาดูทีละใบ อ่านทุกข้อความเพื่อเก็บข้อมูล จดชื่อที่เธอเห็น ประสิทธิ์ชัย แจงจิต อรพิม ทิพอาภา และวีกิจ ลงสมุดเอาไว้
มุนินทร์จัดเสื้อผ้าของเธอเข้าตู้ ทำหน้าเบ้ที่เห็นเสื้อผ้าแนวหวานๆของมุตตา เห็นกล่องกระดาษใบใหญ่วางอยู่ ยกขึ้นมาเปิดดู ชิ้นแรกชุดแต่งงานสีขาวสะอาด บริสุทธิ์บอบบางเหมือนคนซื้อ มุนินทร์โยนมันลงพื้น นึกสมเพชมุตตาที่ช่างเพ้อฝันและโง่เขลานัก หยิบชิ้นต่อไป ขวดน้ำหอม ดอกลิลลี่ เชือกผูกผม และหนังสือโรแมนซ์ที่มีลายมือเขียนอยู่
“ให้ตาไว้อ่าน แน่ใจว่าตาต้องชอบ”
มุนินทร์ครุ่นคิด เขียนเครื่องหมายคำถามลงในสมุดต่อจากชื่อวีกิจ เธอต้องรู้ให้ได้ว่าเจ้าของหนังสือและของทั้งหมดในกล่องใบนี้คือใคร...
ooooooo
พรเปิดประตูห้องออกมาเจอมุตตาในมาดใหม่ ดีใจทักทายเสียงตื่นเต้น มุนินทร์มองหน้าสาวใหญ่ข้างห้องนิ่ง เห็นแววตาจริงใจเปิดเผยก็ผ่อนท่าทีลง ยิ้มบางๆ บอกว่ากลับมาเมื่อเช้า
“กลับไปแค่อาทิตย์เดียว ทำไมดูแปลกไป ผิวคล้ำขึ้น ผมหยิก แต่งตัวเนี้ยบเหมือนไม่ใช่มุตตาคนเดิม”
“ก็ไม่ใช่น่ะสิคะ”
มุนินทร์ตาวาว พรคิดว่าหมายถึงอกหักแล้วอาการดีขึ้น ดึงมือมุนินทร์ไปกุม พูดปลอบว่าดีแล้วที่คิดได้
“เฮ้อ ไปยุ่งกับคนมีเมียแล้ว มันก็ซวยอย่างนี้แหละ”
มุนินทร์นิ่วหน้า เริ่มเก็บข้อมูล พรเล่าว่าช่วงที่น้องสาวเธอไม่อยู่ วีกิจแวะมาหาสองครั้ง แต่ ผอ.คนดีของมุตตาไม่มาเลยสักครั้ง มุนินทร์ขมวดคิ้ว คิดว่าจะต้องใส่ ผอ.ในรายชื่อที่ต้องค้นหาอีกคน
“ตาดูเปลี่ยนไปจริงๆ คงเป็นเพราะผมนี่ล่ะมั้ง”
“หรือคะ งั้นเดี๋ยวฉันไปยืดดีกว่า จะได้เหมือนมุตตาคนเดิม”
พรอาสาพาไป แต่ขอกลับไปเอาของในห้องก่อน ศรีถือคีย์การ์ดมาให้ มุนินทร์แปลกใจที่ได้เร็ว ศรีเม้าท์ว่า ฤดีมีสำรองมากมายแต่แกล้งโยกโย้เพราะอยากได้เงินเพิ่ม มุนินทร์หยิบเงินให้ บอกว่าไม่ต้องทอน และถามชื่อพร ศรีงงนิดหน่อยแต่ไม่คิดอะไรเพราะดีใจที่ได้ทิป
มุนินทร์ไปยืดผมที่ร้าน เจ๊ช่างผมถามว่าทำไมถึงเปลี่ยนใจดัดผม ไหนเคยบอกว่าไม่ชอบ
“ตาเคยบอกเจ๊อย่างนั้นหรือคะ”
“ก็หนูเคยพูดเอง จำไม่ได้หรือ ว่าแต่หนูไปดัดร้านไหนมานี่ ยังกับผมหยิกธรรมชาติเลย”
“แม่ฉันเคยพูดค่ะ ว่าผมตรงน่ะผมนางฟ้า แต่ผมหยิกน่ะผมนางยักษ์”
มุนินทร์ยิ้มขื่นๆ นัยน์ตาแฝงความเจ็บปวด
มุนินทร์กลับมาหอพร้อมผมตรงสลวย ดูอ่อนหวานเหมือนน้องสาว แต่แววตาคมกร้าว ฤดีทวงค่าเช่าห้องที่เลยกำหนดไปแล้วครึ่งเดือน มุนินทร์หยิบปึกธนบัตรใบละพันออกมานับและยื่นให้อย่างไม่ลังเล ฤดีตาโตเห็นเงินก้อน
“ขอบใจจ้ะ ต๊าย หนูตาไปร่ำรวยอะไรมาคะ”
“อ๋อ เงินช่วยงานน่ะค่ะ ที่บ้านเพิ่งมีงานมา” มุนินทร์เอ่ยเสียงเครียด นึกถึงงานที่ว่า...งานศพของมุตตา!
มุนินทร์กลับไปที่ห้อง ดึงผ้าคลุมเตียงออก เห็นโทรศัพท์มือถือของมุตตา นำไปชาร์จไฟสักครู่แล้วลองเปิดเครื่อง มีข้อความส่งมามากมาย เธอกดดูทีละข้อความ มีทั้งจากวีกิจ เพื่อนคนอื่นๆและ...บอส ลองกดเข้าไปดู เห็นเป็นข้อความเสียงจึงกดฟัง
“ตา ผมเองนะ ทำไมตาถึงไม่ไปตามนัด ผมเป็นห่วงตามากนะ แล้วผมจะโทร.หาใหม่ ผมรักตา”
มุนินทร์เลิกคิ้ว มองดูมือถือด้วยแววตาเย้ยหยัน โกรธแค้น เธอกดดูข้อความอื่นๆของบอสที่มุตตายังเก็บไว้
“ตา...ตาคือดอกลิลลี่สีขาว บริสุทธิ์ นิยายที่ผมให้ตามันจบเศร้า แต่เรื่องของเราจะจบด้วยความสุข ผมจะจำฮันนีมูนของเราตลอดไป”
มุนินทร์ยิ้มเยาะ กดดูหมายเลขโทรศัพท์เก็บไว้เป็นข้อมูล หลังจากนั้นเธอเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ เจอกล่องชุดทดสอบการตั้งครรภ์ เปรยลอยๆ เหมือนถามมุตตา
“นี่ใช่ไหม ผลพวงจากการฮันนีมูนของเธอ!”
ข้าวของหลายอย่างของมุตตาค่อยๆ เปิดเผยเรื่องราวเมื่อหนึ่งปีก่อน เหลือเพียงตัวละครในเรื่องที่มุนินทร์ต้องตามหา เธอเริ่มต้นหาข้อมูลที่ทำงานของน้องสาว เกิดอะไรกับแฝดน้องของเธอกันแน่ มุตตาคนเดิมตายไปแล้ว ต่อจากนี้จะมีแต่มุตตาคนใหม่
ooooooo
วีกิจแวะมาหามุตตาที่หอเหมือนเคย เขาเดินไปที่ล็อบบี้ เจอฤดีกับศรีถกเถียงกันเรื่องละครทีวี
“คนดีแสนดี อีนังนางเอกก็ไม่รัก ดันไปรักคนเลว เหมือนแฟนคนแรกของพี่มุตตาไง น่ารักจะตาย ดันไม่เอา”
“แกน่ะไม่รู้อะไรนังศรี หนุ่มๆ น่ะมันไก่อ่อน แต่ไอ้แก่น่ะทีเด็ดมันแพรวพราว แม่มุตตาถึงเสร็จไง”
วีกิจยืนอึ้ง สองสาวหันมาเจอ หน้าเสีย วีกิจถามถึงมุตตา ศรีบอกว่ากลับมาแล้ว อาสาไปตามให้ จังหวะเดียวกันนั้น มุนินทร์ในชุดหวานของน้องสาวผลักประตูเข้ามา เห็นวีกิจก็จำได้ ท่าทีแข็งกระด้างขึ้น วีกิจยิ้มดีใจ มุนินทร์สัมผัสได้ถึงความจริงใจจากท่าทางเปิดเผยและรอยยิ้มกว้างนั้น ค่อยๆ ผ่อนลง ชวนเขานั่งคุยที่โซฟา
“ตอนเห็นคุณครั้งสุดท้าย เหมือนกับว่าคุณจะไม่กลับมาอีกแล้ว”
“ใช่มั้งคะ มุตตาคนเดิมจะไม่กลับมาแล้ว”
“ตาคิดถูกแล้วที่กลับมา ตามีสิทธิ์”
“แล้วถ้า...ไม่กลับมาล่ะคะ”
“ผมก็คงผิดหวังที่คุณไม่ทำอะไรเพื่อตัวเองเลย มันไม่ใช่ความผิดของคุณ ต้นเหตุคือเขาต่างหาก”
มุนินทร์พยักหน้า ตาวาว และเธอต้องรู้ให้ได้ว่าเขาคือใคร?
หลังจากนั้น วีกิจพามุนินทร์ไปทานข้าวที่ร้านโปรดของมุตตา เธอเหลือบตามองรอบๆ รสนิยมน้องสาวเธอช่างแตกต่างจากเธอเสียเหลือเกิน มุนินทร์สั่งกาแฟ วีกิจแปลกใจ
“อ้าว คุณตากินกาแฟตั้งแต่เมื่อไหร่ คุณเคยบอกว่ากินแล้วใจสั่นไม่ใช่หรือฮะ”
“ตอนนี้ใจฉันแข็งแรงแล้วค่ะ ไม่อ่อนแอเหมือนแต่ก่อนแล้ว”
วีกิจเข้าใจว่าเธอพูดประชด มุนินทร์ยิ้ม แววตาคมกล้า บอกว่าแค่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง วีกิจดีใจคิดว่าเธอคิดได้ มุนินทร์บอกว่าหมดเวลาร้องไห้เสียน้ำตาแล้ว ต้องเดินไปข้างหน้าเสียที
“คุณพูดเหมือนคุณปลงตกแล้ว”
“ปลงตกหรือคะ ฉันอยู่ห่างไกลจากคำนั้นมากค่ะ”
“ชีวิตมันก็อย่างนี้ล่ะฮะ เอาแน่อะไรไม่ได้ เรื่องนี้ผมไม่อยากโทษอาภพคนเดียว”
มุนินทร์เลิกคิ้ว ทวนชื่อในใจ อาภพคือใคร?
“แต่ก่อนตาคงหวังไว้มากน่ะค่ะ คุณคิดว่าฉันควรจะทำยังไงล่ะคะ ไปยุ่งกับคนมีลูกมีเมียแล้ว”
“ผมบอกอะไรไม่ได้หรอกฮะ แต่ผมไม่คิดว่าอาภพจะทิ้งลูกทิ้งเมียมาเลือกคุณ”
“แต่ตาเป็นคนเสียหาย สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่หรือคะ”
“ครอบครัวทำให้เขาก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เขาไม่มีวันทำลายตัวเอง”
“แต่ทำลายคนอื่นได้ใช่ไหมคะ”
มุนินทร์เริ่มหงุดหงิด เขาถอนใจเบาๆ บอกว่าเป็นห่วง ไม่อยากให้เธอตอบโต้อย่างไร้สติ มุนินทร์ผ่อนลงเอ่ยขอบคุณสำหรับความหวังดี เธอรู้สึกดีกับเขามากขึ้น ชวนเขาสั่งอาหารจานโปรดของมุตตาที่เธอไม่เคยรู้เลย...
หลังแยกกับมุนินทร์ วีกิจกลับบ้าน เจอนพนภาจัดปาร์ตี้บาร์บีคิว มีเจนภพ ต้อง ต่อ ต้อม และสร้อยคำร่วมด้วยอย่างสนุกสนาน เขาถามนพนภาว่าเนื่องในโอกาสอะไร เธอบอกว่าฉลองเตาบาร์บีคิวอันใหม่ เพื่อครอบครัวที่อบอุ่น วีกิจถอนใจนิดๆ หวังว่าคงจะไม่อุ่นจนร้อน
ต้องเดินมาคุยกับต่อที่ยืนปิ้งบาร์บีคิว ต่อบอกว่าช่วงนี้พ่อกับแม่ดีกันเพราะเมียน้อยหายตัวไป ต้องไม่เชื่อ บอกว่าอาจมีคลื่นใต้น้ำรออยู่
“เฮ้อ ความสุขในบ้านเรา ทำไมมันสั้นนัก” ต่อเปรยเศร้าๆ
“นายเลยต้องไปหาความสุข ด้วยการแช็ตกับหนุ่มๆในอินเตอร์เน็ตใช่ไหม” ต้องแขวะ
“แล้วพี่ล่ะ คุยกับไอ้แจ็คถึงเช้า รับขนมมาจากมันด้วยนี่ ทั้งขนมทั้งน้ำแข็งเลย” ต่อย้อนโกรธๆ
ต้องหน้าเครียด ร้องห้ามน้องไม่ให้บอกใคร ต่อยิ้มหยันแล้วเดินแยกไป สร้อยคำเดินมาเห็นต้องดูซึมๆ กอดปลอบ เข้าใจว่าหลานเศร้าที่ครอบครัวขาดความอบอุ่น
เจนภพมาคุยกับวีกิจ ทักว่าเขาดูสดชื่น ท่าทาง เหมือนมีอะไรดี วีกิจบอกว่าตอนนี้สบายใจมาก เพราะเพิ่งไปทานข้าวกับมุตตามา เจนภพชะงัก เหลือบดูนพนภา ท่าทีระแวดระวังมากขึ้น
“นี่ตานัดเจอกับแกหรือ เขาว่ายังไงบ้าง”
“ก็ไม่เห็นว่าอะไรนี่ฮะ นอกจากบอกว่าจะไปทำ งานพรุ่งนี้”
“เขาไม่ได้พูดถึงฉันเลยหรือ”
“ไม่นี่ฮะ เราคุยกันเรื่องโน้นเรื่องนี้มากกว่า”
เจนภพอึ้งไปนิด แต่รีบเปลี่ยนสีหน้าให้ปกติ นพนภาเดินหน้าระรื่นมาพอดี...
เจนภพร้อนรนเมื่อรู้ว่ามุตตากลับมาแล้ว เขาโทร.หาเธอคืนนั้น มุนินทร์กำลังค้นหาข้อมูลเขาในอินเตอร์เน็ต เห็นชื่อบอสโทร.เข้ามือถือมุตตา ยิ้มหยันกดรับ เจนภพดีใจได้ยินเสียงเธออีกครั้ง
“ถ้าตายังโกรธผมอยู่ก็ไม่เป็นไร แต่อย่าลาออกเลยนะ จะไม่พูดกับผมสักคำหรือ แล้วเจอกันที่ทำงานพรุ่งนี้”
“ค่ะ ฉันจะไปเจอหน้าคุณพรุ่งนี้”
นพนภาเดินเข้ามาเรียกเจนภพเสียงดังเข้าไปในสาย มุนินทร์รีบเก็บข้อมูล เจนภพขอวางสาย แกล้งพูดโทรศัพท์กับสรรค์และวางสายให้เมียได้ยิน หันไปออเซาะเล้าโลม นพนภาเคลิ้มปลื้มใจ
ด้านมุนินทร์ เริ่มค้นหาข้อมูลตัวละครต่อไป... นพนภา ภูวนารถ!
ooooooo
วีกิจประทับใจมุตตาในมาดใหม่มาก แม้เธอจะดูเหมือนมุตตาคนเดิมทุกอย่าง แต่แววตาเปล่งประกายเจิดจ้าของเธอเหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างสะกดเขาไว้ ให้ไม่อาจละสายตาจากเธอได้ เขามารับเธอไปทำงาน เธอมองดูเนกไทเส้นเล็กบางของเขาแล้วทำหน้าแปลกๆ แต่ไม่ว่าอะไร
วีกิจขับรถไปเรื่อยๆ หันมามองหญิงสาวข้างๆ เห็นเงียบไป ถามว่าคิดอะไรอยู่
“หลายอย่างค่ะ แล้วแต่ละอย่างก็ไม่ใช่เรื่องดีด้วย”
“ไม่มีอะไรดีงามได้ตลอดหรอกครับ ขึ้นอยู่กับเราต่างหากที่จะเป็นคนเลือก”
“ถ้าฉันเลือกเขาล่ะคะ”
“ผมก็จะเสียดายแทนคุณ เสียดายแทนพ่อกับแม่คุณ”
“ค่ะ พ่อกับแม่...คงเสียใจมาก”
มุนินทร์มองหน้าวีกิจ ยิ้มบางๆ แต่แววตาสะเทือนใจ
มุนินทร์ปรากฏตัวในคราบของมุตตามาดใหม่ วีกิจพาเธอมาหาประสิทธิ์ชัย รัชนก ปริม นักรบ ฉกรรจ์และเลอลักษณ์ ทุกคนเห็นเธอแล้วสะดุ้งเฮือก มุนินทร์กล่าวทักทุกคน มองแต่ละคนอย่างประเมิน โดยเฉพาะปริมกับรัชนก
ปริมมองมุนินทร์อย่างไม่เป็นมิตร ทั้งหมั่นไส้และอิจฉา มุนินทร์จับตามองอยู่แล้ว เห็นท่าทางของปริมต่อวีกิจนึกอยากแกล้ง เดินไปจัดเนกไทของวีกิจให้เข้าที่ วีกิจอึ้งหน้าแดง ปริมของขึ้น มุนินทร์ปรายตามอง บอกวีกิจเสียงหวานให้เดินไปส่งที่แผนก เขาไม่ปฏิเสธ เธอหันไปยิ้มเยาะนิดๆให้ปริม แล้วเดินเคียงวีกิจไป
มุนินทร์เห็นสายตาของผู้คนในกระทรวงจ้องมองเธอ ทั้งสมเพช ดูถูก และเย้ยหยัน สีหน้าเคร่งขึ้น นึกเวทนาน้องสาว ท่าทางมุตตาจะทนแรงกดดันทางสังคมไม่ไหว ถึงต้องหนีกลับบ้าน วีกิจปลอบใจเธอ
“คุณตา อย่าสนใจเลยฮะ”
“ใครว่าล่ะคะ น่าสนใจจะตาย”
มุนินทร์เชิดหน้า ยิ้มเหยียดนิดๆ เธอจะต้องรู้ให้ได้ว่าใครบ้างที่ทำให้มุตตาต้องตกอยู่ในสภาพนี้!
เมื่อวีกิจพาเธอมาส่งที่แผนก แจงจิต อรพิม และทิพอาภาตื่นเต้นดีใจมากที่เห็นเธอ มุนินทร์เห็นแววตาหวังดีและจริงใจ แววตาอ่อนแสงลง ยิ้มอย่างผูกมิตร
“นึกว่าจะไม่กลับมาแล้ว อย่าคิดอะไรมาก ผิดพลาดไปแล้วก็เริ่มใหม่ได้ เคยมีบทเรียนแล้วก็ใช้มันสอนตัวเอง”
มุนินทร์ยิ้มรับ ขอบคุณแจงจิตเบาๆ
“เฮ้อ...ตา ไม่รู้ว่าเธอปล่อยให้เป็นอย่างนี้ได้ยังไง” อรพิมถามเสียงเศร้า
“เป็นกรรมของตามั้ง” มุนินทร์ตอบเสียงอ่อน
อรพิมและทิพอาภาพามุนินทร์ที่เข้าใจว่าเป็นมุตตา มาที่โต๊ะทำงาน เล่าเรื่องช่วงที่มุตตาไม่อยู่ว่า นพนภามาคุมเจนภพทุกวัน เพิ่งเลิกตามไม่นานเพราะคิดว่ามุตตาลาออก มุนินทร์เก็บข้อมูล หันไปมองห้องเจนภพอย่างหมายมาด
เมื่อได้รับคำสั่งจากแจงจิตให้พิมพ์รายงานการประชุม มุนินทร์ถามหาพาสเวิร์ดเปิดเครื่องของมุตตา ทุกคนแปลกใจที่เธอลืม ไม่มีใครช่วยเธอได้ มุนินทร์ยักไหล่ ลองใส่เลขวันเกิด รหัสผ่าน เธอถอนใจเบาๆ
“เธอนี่ ไม่รู้จักป้องกันตัวเองเลยนะมุตตา”
เจนภพมาทำงาน เห็นมุตตาในมาดใหม่ มองด้วยสายตาโหยหา โลมเลีย มุนินทร์รู้สึกถึงความเงียบรอบๆ ตัว เงยหน้าขึ้นเห็นเจนภพจ้องเธอตาเชื่อม เธอยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก มองตอบด้วยประกายตาเจิดจ้า ค่อยๆหรี่ลงอย่างสงวนท่าที อรพิมกับทิพอาภายกมือไหว้เจ้านาย แจงจิตยื่นแฟ้มเอกสารให้ บอกว่าเป็นเรื่องให้เซ็นอนุมัติ เจนภพแอบส่งสายตาให้มุนินทร์อีกรอบ เธอมองตอบ แววตาท้าทาย แล้วก้มลงทำงานต่ออย่างไม่แยแส
ooooooo
มุนินทร์ง่วนกับการใช้แป้นพิมพ์ภาษาไทยที่ไม่คุ้นเคยเพราะอยู่เมืองนอกมานาน วีกิจแวะมาชวนเธอและเพื่อนๆ ไปทานกลางวันข้างนอก มุนินทร์ถามทำไมไม่ทานที่โรงอาหาร เขาบอกว่ากลัวเธอเป็นเป้าสายตา มุนินทร์ยิ้มเยาะ
“หรือคะ งั้นก็ไปให้เขาดูให้เต็มตาเลยดีกว่า”
“เมื่อก่อนนี้ฉันแย่มากหรือคะ แล้วทำไมคุณถึงยังเป็นเพื่อนฉันอยู่”
“เพราะผมสัญญาไว้แล้วว่าจะเป็นเพื่อนคุณตลอดไป”
มุนินทร์ยิ้มกว้าง รู้สึกดีต่อเขาเพิ่มเป็นทวีคูณ นึกเสียดายแทนมุตตาที่มองข้ามคนดีๆอย่างวีกิจ
มุนินทร์เดินมาถึงโรงอาหาร ทุกคนในนั้นหันมองเธอด้วยสายตาสอดรู้สอดเห็น ซุบซิบและดูแคลน อรพิมกับทิพอาภาเข้ามายืนขนาบ วีกิจอยู่ข้างๆอย่างปกป้อง มุนินทร์หน้าเชิด บอกให้วีกิจจองโต๊ะ เธอขอเดินดูรอบๆ
ปริมเห็นมุนินทร์เลือกอาหารหลายอย่าง อดไม่ได้เดินเข้าไปแขวะ
“ต๊าย ชอบทั้งอาหารจีน อาหารไทย มิน่าถึงมีพฤติกรรมเจ๊กลากไป ไทยลากมา”
รัชนกแกล้งอุทานเสียงดัง ร้องห้ามปริม มุนินทร์ยิ้มตาวาว เดินไปมองหน้าปริมใกล้ๆ ตอกกลับอย่างเจ็บแสบ
“เผอิญเป็นคนแบบนี้ค่ะ ชอบทั้งสองอย่าง แต่ก็ยังดีกว่าคนที่ไม่มีใครมาลาก ทั้งไทย ทั้งเจ๊ก”
ปริมอ้าปากค้าง รัชนกยืนอึ้ง อรพิมกับทิพอาภามองมุตตามาดใหม่ด้วยความทึ่ง ประทับใจ
มุนินทร์ซื้ออาหารเผื่อวีกิจ เดินมานั่งโต๊ะที่เขาจองให้ วีกิจถามเรื่องเจนภพ เธอบอกว่าเจอกันเมื่อเช้า วีกิจเห็นว่าเธอไม่มีท่าทีอะไร คิดเอาเองว่าเธอจะเลิกกับอาของเขา มุนินทร์บอกว่ายังไม่รีบร้อนตัดสินใจ วีกิจทำหน้าผิดหวังนิดๆ เล่าว่านพนภาถามถึงมุตตาเมื่อวันก่อน คิดว่าเธอลาออกไปแล้ว มุนินทร์ยิ้มหยันตาวาว พูดช้าชัด
“กลับไปบอกอานภาของคุณว่าฉันไม่ลาออก ฉันจะไม่ไปจากที่นี่ ถ้าเป็นไปได้ก็บอกอาทั้งสองของคุณว่า มุตตาจะไม่ตาย จะอยู่ค้ำฟ้าไปจนกว่าเขาสองคนจะพินาศก่อน”
วีกิจหน้าเสีย พูดปลอบให้เธอใจเย็นลง
“ฉันไม่ได้โกรธคุณ ฉันโกรธตัวเองต่างหาก โกรธที่ยอมเป็นเครื่องเล่นของคนอื่น ยอมให้ชีวิตแปดเปื้อน”
“ผมดีใจที่คุณคิดได้ แต่อยากบอกให้คุณรู้ว่า ผู้ชายบางคนไม่เคยคิดว่านั่นคือความแปดเปื้อน”
มุนินทร์ชะงัก มองเขาด้วยความทึ่ง บอกเขาว่าพูดเหมือนจีบ วีกิจบอกว่าคบกับมุตตามานานจนไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเขารู้สึกอย่างไร มุนินทร์ยิ้มตาพราว
“แต่ที่ฉันรู้คือ คุณปรารถนาดีกับตาจริงๆ”
“ผมชักเบื่อเป็นพระรองผู้แสนดีแล้วนะนี่”
“แปลกใจจัง ทำไมตาไม่เลือกคุณ”
“คุณพูดอะไรแปลกๆ อีกแล้ว”
วีกิจแอบเขิน ตักอาหารเอาใจ มุนินทร์ยิ้มนิดๆที่มุมปาก ถ้าเป็นเธอ...คงไม่มองข้ามเขาไปง่ายๆแน่!
หลังพักกลางวัน มุนินทร์แอบได้ยินปริมและพรรคพวกเม้าท์เรื่องวีกิจกับมุตตาในร่างของเธอแบบเสียๆหายๆ อย่างสนุกปาก
“นกคิดว่าพี่ตาจะไม่กลับมาแล้วซะอีก” รัชนกแสร้งถามหน้าซื่อ
“คงกลับมาอ้างสิทธิ์น่ะหนู สิทธิสภาพนอกอาณาเขตนังเมียน้อยน่ะ” ปริมบอกน้ำเสียงเย้ยหยัน
มุนินทร์ยืนกอดอกฟัง เม้มปากแน่น แววตากร้าวขึ้น แค้นใจแทนน้องสาว
ปริมแค้นที่โดนมุนินทร์ตอกหน้าหงายตั้งแต่เช้าจนถึงที่โรงอาหาร เจ้ากี้เจ้าการให้รัชนกบอกนพนภาว่าเมียน้อยคนล่าสุดกลับมาทำงานแล้ว รัชนกแสร้งทำหน้าตื่น สั่นหน้าไวๆ
“นกไม่เกี่ยวนะคะ นกไม่ได้เป็นสายให้ใครนะคะ”
“เธอไม่บอก งั้นฉันบอกเองก็ได้ นังมุตตาจะได้ถูกเมียหลวงตบรอบสอง”
นักรบกับฉกรรจ์ตาเป็นประกาย บอกว่าขอเวลาจัดเตรียมอุปกรณ์ถ่ายคลิปวีดิโอให้ชัดขึ้นก่อน รับรองว่าต้องฮิตกว่าคลิปครั้งก่อนแน่ๆ มุนินทร์นิ่งฟัง เก็บข้อมูลทุกอย่าง แววตากราดเกรี้ยว พร้อมมากที่จะล้างแค้น!
ooooooo
เหตุการณ์ปะทะคารมระหว่างมุนินทร์กับปริมที่โรงอาหาร ทำให้อรพิมกับทิพอาภาประทับใจมาก ดีใจที่มุตตามาดใหม่ไม่อ่อนแออย่างที่เคย
“ไม่เหมือนแต่ก่อนนะ พอใครว่าอะไรนิดหนึ่ง เธอก็มัวแต่หน้าซีดเป็นนางไม้อยู่” อรพิมพูดติดตลก
“คนเราจะปล่อยให้คนอื่นทำอยู่ข้างเดียวได้ยังไง ต่อไปฉันจะเป็นฝ่ายล่าบ้าง”
มุนินทร์ตาวาววับ อรพิมกับทิพอาภายิ้มให้กัน ปลื้มที่เพื่อนเข้มแข็งขึ้น เจนภพกลับเข้ามา ถามว่าไปทานข้าวกลางวันที่ไหน มุนินทร์มองหน้าเขานิ่ง
“โรงอาหารค่ะ คนเยอะดีนะคะ ทีนี้ฉันรู้แล้วว่าพวกดาราเขารู้สึกยังไง เวลาถูกคนเป็นร้อยมอง โดยเฉพาะดาราที่มีคลิปฉาวแบบฉันด้วย”
ทิพอาภากับอรพิมอ้าปากค้าง เจนภพอึ้งไป ไม่คิดว่ามุตตาจะกล้าพูดเรื่องคลิปอีก มุนินทร์ยิ้มเยาะถามเขากลับ
“แล้ว ผอ.ไปทานที่ไหนมาคะ”
“วันนี้ผมมีนัดทานข้าวข้างนอกพอดี”
“กินข้าวกับน้ำพริกถ้วยเก่าแห้งๆ กรังๆ หรือ เปล่าคะ”
เจนภพเหวอ มุตตามาดใหม่ทำให้เขาแปลกใจ เหมือนไม่ใช่มุตตาแสนหวานคนเดิม แต่ก็น่าหลงใหลและชวนให้ค้นหาเป็นบ้า!...
“ตา...เย็นนี้รอผมด้วยนะ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันมีนัดกับวีกิจแล้ว”
“เรื่องอะไรหรือ”
“ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ แค่จะซื้อเนกไทสวยๆ แพงๆ ให้เขาเท่านั้นแหละค่ะ”
“แล้วเมื่อไหร่ตาถึงจะว่างสำหรับผมสักที”
“อดใจรออีกสักนิดเถอะค่ะ แล้วคุณจะได้เจอฉันสมใจแน่”
มุนินทร์บอกเขาเสียงหวานแล้วก้มลงทำงานของตัวเองต่อ เจนภพไม่สะกิดใจ คิดว่าเธองอน...
มุนินทร์กลับบ้านกับวีกิจ ปริมและพรรคพวกมองด้วยความหมั่นไส้ เห็นรถเจนภพในโซนจอดวีไอพี ยิ้มในหน้า แกล้งคุยกะหนุงกะหนิง เจนภพยิ้มนิดๆ แต่ในใจเดือดพล่านด้วยความหึง
วีกิจเห็นสายตาเจนภพ ไม่ค่อยสบายใจ เขาถามมุนินทร์ว่าเห็นอาเขาหรือเปล่า เธอบอกว่าเห็น ยิ้มหยัน
“คุณจะไม่ถามเลยหรือว่าฉันทนเผชิญหน้าเขาได้ยังไง”
“ตา ผมไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นเลยนะ”
“ค่ะ คุณไม่ใช่คนแบบนั้น”
มุนินทร์ยิ้ม ชวนวีกิจไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า แต่ขอกลับหอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน บอกว่าจะซื้อเนกไทเส้นใหม่ให้เขา เพราะเส้นที่เขาใส่มันเชย วีกิจขำมอง มุตตาคนใหม่อย่างพอใจ สบายใจที่ได้อยู่กับเธอ
มุนินทร์แอบขึ้นไปค้นหาคลิปตบน้อยหน้ากระทรวง ภาพแฝดน้องโดนทำร้ายทั้งจากนพนภาและประณามโดยสังคมสะเทือนใจเธอเหลือเกิน จากนี้ไปเธอจะเปิดเกมรุกบ้าง มุตตาหัวอ่อนคนเดิม...ไม่มีอีกต่อไปแล้ว!
ooooooo
คลิปฉาวของแฝดน้องทำให้มุนินทร์เงียบขรึมขึ้นมาก วีกิจขับรถพาเธอไปห้างสรรพสินค้า เหลือบ ตามอง ถามเธอด้วยความเป็นห่วง เธอถอนใจเบาๆอ้าง ว่าเช็กอีเมล์แล้วเจอข่าวร้าย เขาไม่ค่อยเชื่อนักแต่ก็ไม่อยากเซ้าซี้พยายามเปลี่ยนเรื่องคุย
“นี่คุณซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่หรือฮะ พีซีหรือโน้ตบุ๊กฮะ”
“เครื่องเก่าน่ะค่ะ ใช้มาสองปีแล้ว เป็นแลปท็อปค่ะ”
“รู้ไหมฮะ ท่านผู้รู้เขาบัญญัติศัพท์ให้เรียกว่า คอมพิวเตอร์วางตัก”
“หรือคะ ฟังดูปัญญาอ่อนจัง”
วีกิจหัวเราะเบาๆ อย่างสบายใจ มุนินทร์ยิ้ม อารมณ์ดีขึ้นโดยไม่รู้ตัว
วีกิจกับมุนินทร์มาถึงห้างสรรพสินค้า เธอพาเขาไปซื้อเนกไทอย่างที่เคยบอก เขาเลือกได้สองแบบแต่ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะซื้ออันไหน เธอบอกว่าจะซื้อให้ทั้งสองเส้น เขาปฏิเสธ เกรงใจและไม่มีโอกาสพิเศษอะไร
“แต่ฉันไม่อยากรออีกต่อไปแล้วค่ะ ฉันเคยทำไม่ดีกับคนคนหนึ่ง ฉันอยากขอโทษ อยากทำดีแก้ตัว แต่ฉันก็ไม่ได้ทำ มัวแต่รออยู่ จนกระทั่งทุกอย่างมันสายเกินไป จนแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว”
มุนินทร์พูดเสียงขื่น แววตาเจ็บปวด วีกิจมึนเล็กน้อย ไม่กล้าถามว่าเธอหมายถึงใคร มุนินทร์ได้สติ ปรับสีหน้า ชวนเขาคุยเกี่ยวกับมุตตา
“ที่ผ่านมา...ตาเคยให้อะไรคุณบ้างคะ”
“คุณให้ผมยืมหนังสือนิยายไงฮะ”
“แปลว่าตาไม่เคยให้อะไรคุณเลย ฉันยิ่งต้อง
ซื้อให้ คุณทำเพื่อตามากมาย ขอให้ฉันได้ตอบแทนบ้างเถอะค่ะ”
“นี่ผมไม่รู้จะเถียงคุณว่ายังไงแล้ว”
“ไม่มีใครเถียงชนะฉันมานานแล้วค่ะ”
มุนินทร์ยิ้มพราย ดีใจที่เขายอมให้ซื้อ ยื่นบัตรเครดิตสีดำส่งให้พนักงาน วีกิจมองอย่างแปลกใจ
“โอ้โฮ แพลทตินัมการ์ดเชียวหรือฮะ”
“อย่าลืมสิคะ ว่าฉันเป็นเจ้าของไร่ดอกไม้ที่ใหญ่ติดท็อปไฟว์ของเพชรบูรณ์”
มุนินทร์ยิ้มกว้าง วีกิจยกมือยอมแพ้ ไม่ได้สะกิดใจแม้แต่น้อยว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่มุตตา!
ooooooo
ประสิทธิ์ชัยพารัชนกมาเดินซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าเดียวกัน รัชนกอ้อนอยากได้น้ำหอม แต่ประสิทธิ์ชัยไม่อยากซื้อให้เพราะราคาแพงเกินงบ พยายามพูดให้เธอเปลี่ยนใจ รัชนกแสร้งตีหน้าเศร้า ร่ายยาวเรื่องปมวัยเด็ก
“แต่นกอยากได้นี่คะ รู้ไหมคะ ตั้งแต่เล็กจนโต นกไม่เคยได้ใช้อะไรดีๆ ไม่มีของเล่น ไม่มีตุ๊กตา ได้แต่ฝันว่า สักวันหนึ่งนกจะมีทุกอย่างที่อยากได้ แต่มันก็เป็นแค่ความฝันเท่านั้นเอง”
ประสิทธิ์ชัยตามสาวแอ๊บแบ๊วอย่างรัชนกไม่ทัน ใจอ่อนยวบ ควักบัตรเครดิตยื่นให้พนักงานทันที
มุนินทร์เจอกับรัชนกที่เคาน์เตอร์จ่ายเงิน แปลกใจนิดหน่อยแต่ยังเก็บอาการเพราะอยากดูท่าที รัชนก
แสร้งตีหน้าเศร้า เดินมาหา มุนินทร์ยืนมองอย่างประเมิน
“พี่ตาคะ นกไม่ใช่คนเอาเรื่องของพี่ตาไปบอกคุณนพนภานะคะ ตอนที่มีคลิปแรกน่ะ”
“คลิปแรกงั้นหรือ”
มุนินทร์เห็นคลิปแล้วก็จริง แต่ไม่คิดว่าจะมี
หลายอัน รัชนกคิดว่าตัวเองพูดอยู่กับมุตตา เผลอหลุดปากพูดถึงคลิปหนึ่ง คลิปสอง อ้างว่าปริมเป็นคนส่งทั้งสองคลิปให้นพนภา มุนินทร์ยืนฟังนิ่ง เก็บข้อมูล
“นกเคยพูดจาแรงๆ กับพี่ตา แต่ที่จริงนกอยู่ข้างเดียวกับพี่นะคะ”
รัชนกแสร้งตีหน้าซื่อ บอกว่าเข้าใจหัวอกเมียน้อยอย่างมุตตาดี มุนินทร์มองออก ยิ้มเยาะ
“พี่ตาเข้าใจนกใช่ไหมคะ”
“ค่ะ เข้าใจว่าหนูอยากให้ใครต่อใครเห็นว่าหนูเป็นคนดี พี่เข้าใจหนูแล้วค่ะ”
มุนินทร์ยิ้มตาวาว รัชนกงงกับคำพูดและท่าทางของมุตตา ดูยอกย้อนแปลกๆแต่ไม่พูดอะไร ได้แต่ยิ้มตอบ
ด้านวีกิจยืนคุยอยู่กับประสิทธิ์ชัย ข้างตัวมีถุงข้าวของพะรุงพะรัง ประสิทธิ์ชัยเห็นเพื่อนมากับมุตตา สาวหน้าหวานที่มีเรื่องฉาวกับเจนภพ แซวเพื่อนยิ้มๆ
“ตกลงเอ็งจะรับล้างชามให้อาเอ็งจริงๆ หรือ”
“อย่าพูดหมาๆ อย่างนี้อีกนะ”
วีกิจโกรธมากที่เพื่อนพูดถึงมุตตาไม่ดี ประสิทธิ์ชัย หน้าเจื่อน ขอโทษเพื่อน รีบบอกว่าล้อเล่นขำๆ วีกิจผ่อนลง ไม่เอาเรื่องต่อ แต่เตือนเพื่อนว่าอย่าให้มีอีกเป็นครั้งที่สอง...
วีกิจขับรถไปส่งมุนินทร์หลังจากซื้อของเสร็จ เขาหยิบเนกไทมาดูอย่างชื่นชม ถามเธอยิ้มๆ ว่าใส่เส้นไหนไปทำงานพรุ่งนี้ดี มุนินทร์มองดูเขา สุภาพบุรุษแสนดี เต็มไปด้วยความปรารถนาดีและจริงใจ น่าแปลกที่เขาทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ เธอหันไปถามเขายิ้มๆ
“คุณกับเขา เป็นอาหลานกันแน่หรือคะ”
“คุณถามอะไรน่ะ คุณก็รู้ว่าเขาเป็นน้องชายพ่อผม”
“ก็จริงๆ นี่คะ คุณกับเขาดูต่างกันเหลือเกิน”
“ผู้ชายจริงๆ แล้วก็ไม่ต่างกันนักหรอกฮะ ชอบควบคุม ถือตัวเองเป็นใหญ่ ชอบเอาชนะ แต่ว่าอาจจะมากน้อยต่างกันแค่ไหนเท่านั้นเอง”
“หรือคะ ผู้หญิงบางคนก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน ชอบควบคุม ถือตัวเองเป็นใหญ่ ชอบเป็นผู้ชนะ แล้วก็เจ้าคิดเจ้าแค้น อาฆาตพยาบาทด้วย”
“งั้นก็ร้ายกว่าผู้ชายสิฮะ”
วีกิจแซวยิ้มๆ มุนินทร์หัวเราะเสียงใส ลืมเรื่องล้างแค้นไปชั่วขณะ
ooooooo
เจนภพกระวนกระวายใจเรื่องมุตตากับวีกิจ ไปนั่งจิบเบียร์รอหลาน สร้อยคำเอาเบียร์มาเสิร์ฟ นั่งคุยเป็นเพื่อน บอกว่าลูกชายสั่งกับข้าวของโปรดไว้ ไม่น่าจะกลับบ้านช้า เจนภพกำลังหึง กระเซ้าตาขุ่น
“ไม่แน่นะฮะ อาจจะไปเจอของโปรดนอกบ้าน จนลืมของโปรดที่บ้านก็ได้”
“นายกิจไม่ใช่พวกใจง่ายค่ะ”
สร้อยคำแอบเคืองที่ลูกชายโดนแขวะ ตอกกลับยิ้มๆ เจนภพอึ้งไป วีกิจกลับมาพอดี เห็นเจนภพก็นึกอยากยั่ว วางถุงเนกไทลงบนโต๊ะอย่างจงใจ ทักอาหนุ่มยิ้มๆ
“อานภาไม่อยู่หรือฮะ”
“ไปหารือกับนายประพงส์อยู่มั้ง เห็นว่าอยากเปิดผับ”
“คุณนภานี่พิลึก นายคนนี้ ประวัติดีที่ไหน” สร้อยคำพูดแทรกขึ้นมา
“อานภาคงชอบคนมีประวัติมั้งฮะ”
วีกิจแขวะหน้าเป็น เจนภพสะดุ้ง สร้อยคำลอบสบตาลูกชายยิ้มๆ อย่างรู้กัน
สร้อยคำขอตัวเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้อาหลานคุยกันตามลำพัง เจนภพถามถึงมุตตา วีกิจบอกว่าเธอสบายดีและไม่ได้พูดอะไรถึงอาหนุ่มเลย เจนภพผิดหวัง พูดเยาะๆ
“มุตตายังเด็ก คงลืมอะไรได้ง่ายๆ”
“แต่สิ่งที่ตาเจอ คงลืมได้ไม่ง่ายนักหรอกฮะ”
วีกิจหยิบเนกไทขึ้นมาดู แกล้งยั่ว เจนภพหน้าบึ้ง กระดกเบียร์รวดเดียวหมดแก้ว ค่อนแคะหลานเสียงเข้ม
“เนกไทมันก็เหมือนห่วงผูกคอนะนายกิจ อย่าเอาบ่วงของคนอื่นมาผูกคอจะดีกว่า”
เจนภพลุกพรวดออกไป วีกิจมองตาม สะใจนิดๆ ได้ยั่วอาหนุ่มที่หึงและหวงก้างมากแต่ยังไม่รู้ตัว
สร้อยคำกลับเข้ามาทันได้ยินประโยคสุดท้ายของเจนภพ มองหน้าลูกชายงงๆ วีกิจเล่าว่ามุตตากลับมาแล้ว เขาไปเทกแคร์ เจนภพเลยหึงแต่ไม่ยอมรับ สร้อยคำหนักใจ ไม่อยากให้ลูกชายเสื่อมเสีย เตือนอย่างจริงจัง วีกิจยืนยันว่าเขากับมุตตาเป็นแค่เพื่อนที่ปรารถนาดีต่อกันเท่านั้น สร้อยคำไม่เชื่อ แอบหวั่นใจ...
เจนภพกลับบ้านมาเจอกับนพนภากำลังหัวเสียที่หาเขาไม่เจอ เขาถอนใจเบื่อๆ นพนภาของขึ้นที่เห็นท่าทีหมางเมิน ขุดเรื่องมุตตามาข่มผัวอีก เจนภพสะดุ้งแต่ทำเป็นรำคาญกลบเกลื่อน บอกว่าอย่าเริ่มชวนทะเลาะ
“ฉันน่ะเหรอคนเริ่ม คนเริ่มน่ะคือผู้ชายสำส่อนกับอีเด็กร่าน ผัวคนอื่นเขาไม่เห็นมีเรื่องแบบนี้”
“ผู้ชายมันก็เหมือนกันทั้งนั้นแหละ ผมไม่ได้เป็นคนเริ่ม เด็กมันเริ่มก่อน ผมก็แค่สนองให้มันแค่นั้นเอง”
“ทีหลังอีดิ๊กมันมายกหางให้ ก็สนองมันด้วยสิ”
“นี่ พูดจาให้เกียรติกันบ้าง”
“คุณน่ะมีด้วยหรือเกียรติน่ะ อยากรู้นักว่านังนั่นมันคิดยังไง อยากรวยทางลัด เป็นเมียน้อย มันคงคิดว่าคุณรวยล่ะสิ ถ้ารู้ว่ามีแต่เปลือก เกาะเมียเป็นปลิงอยู่ มันจะเอาไหม”
เจนภพเดือดจัด สะบัดเดินเข้าห้อง ปิดประตูกระแทกโครม นพนภากรี๊ด โกรธที่ผัวแข็งข้อ!
ขณะเดียวกันนั้น ต้อง ต่อและต้อม นั่งเล่นบนโซฟาในห้องโถงชั้นล่าง แว่วเสียงพ่อกับแม่ทะเลาะกันจากชั้นบน ต้องทำหน้าเซ็ง บ่นเข้าข้างพ่อ
“แม่นี่น่าเบื่อจริง อย่างนี้แหละพ่อเขาถึงต้องแว่บไปหาอะไรนอกบ้าน”
“พ่อเองก็น่าเบื่อเหมือนกันแหละ” ต่อเถียงแทนแม่
“แต่แกเป็นผู้ชายนะต่อ แกน่าจะเข้าใจผู้ชายด้วยกันนะ”
“ผู้ชายแบบพ่อ ผมไม่เห็นใจหรอก”
“เหรอ หรือว่าแกไม่ใช่ผู้ชาย”
ooooooo
มุนินทร์เอาสลิปบัตรเครดิตออกมาวาง นั่งจดบันทึกรายรับรายจ่ายอย่างละเอียดตามประสาคนมัธยัสถ์ เงยหน้าขึ้นดูรูปมุตตากับวีกิจยิ้มๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น พรขอเข้ามานั่งเม้าท์ด้วย ชวนคิดแผนแก้เผ็ดเจนภพกับนพนภา
“แหม ถ้าเป็นพี่ พี่ไม่ถอยง่ายๆหรอก อีนังเมียหลวงนั่นแสบนัก น่าจะทำให้มันกระอักบ้าง”
มุนินทร์นิ่งฟังเงียบๆ ไม่อยากแสดงความเห็นอะไรให้ผิดสังเกต แต่ในใจแอบคิดตาม พรลองเสนอไอเดีย
“เอาอย่างนี้สิหนู พ่อหนุ่มที่ชื่อวีกิจก็ทำงานที่เดียวกับหนูใช่ไหม หนูก็แกล้งจีบกับพ่อหนุ่มน้อย ยั่วให้ตาแก่หึง ยิ่งกลัวหนูหลุดมือก็ยิ่งตามไขว่คว้า ทีนี้แหละ ได้อยู่ไม่สุขกันทั้งผัวทั้งเมีย”
“จะดีหรือคะ”
มุนินทร์แกล้งถามหน้าซื่อให้สมบทบาทมุตตา แต่แววตายิ้มสะใจ แผนของพรตรงกับเธอโดยไม่ได้นัดหมาย ที่สำคัญ...เธอเริ่มลงมือไปแล้วด้วย!
ขณะเดียวกัน วีกิจหยิบเอาเนกไทขึ้นมาดูแล้วนึกถึงมุตตาในมาดใหม่ด้วยความสุขใจ เขาเอาเนกไทไปเก็บในตู้ พลันนึกถึงอะไรขึ้นมาได้ เดินไปเปิดลิ้นชักที่โต๊ะเครื่องแป้ง หยิบกล่องทรงแบนใส่สร้อยไข่มุกที่นำไปซ่อมมาเรียบร้อยแล้วมานั่งดู คิดในใจว่าควรจะนำไปคืนมุตตาเสียที...
ด้านเนตรนภิศชวนรัชนกมาทานข้าวที่บ้านเพื่อสืบข่าวเรื่องมุตตากับเจนภพ รัชนกบอกว่าทั้งสองคนมีท่าทีปกติ เหมือนไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน จะมีก็แต่มุตตาที่กลับมาคราวนี้ดูแปลกๆไป เนตรนภิศงง รัชนกอธิบายให้ฟัง
“พี่ตาดูเย็นชา แข็งๆ และไม่แคร์สายตาใครทั้งนั้นค่ะ แล้วยังหันกลับมาควงคุณวีกิจใหม่ด้วย”
“ต๊าย...นายคนนี้ก็แปลก สงสัยชาติก่อนเอาของเหลือเดนใส่บาตร แต่ฉันว่านะพี่เขยฉันน่ะ วัวเคยขาม้าเคยขี่มีหรือจะอดได้ พอคนเผลอ พี่เขยฉันกับนังนั่นก็คงใส่อานใส่บังเหียน ควบโขยกจนตัวสั่นล่ะไม่ว่า”
“ตกลงคุณนภิศจะให้หนูบอกคุณนพนภาเลยไหมคะ หรือว่าจะให้รอก่อน”
“รอไปอีกสักหน่อยก็ได้ พี่สาวฉันเพิ่งจะสบายใจได้ไม่กี่วัน ถ้าไปบอกเข้าก็คงเต้นเร่าๆอีก น่าสงสาร”
“จะรอให้ ผอ.กับพี่ตามายุ่งกันใหม่ก่อนหรือคะ”
รัชนกแซวขำๆ เนตรนภิศแสยะยิ้ม สะใจที่มีหนทางเล่นงานพี่สาวใหม่ อมรกลับมาจากวิ่งออกกำลังพร้อมกับพงศกร เนตรนภิศรีบแปลงร่างกลับเป็นภรรยาสาวผู้อ่อนหวาน เอาอกเอาใจสามี รัชนกรู้หน้าที่ ขอลากลับ พงศกรบอกให้เธอติดรถเขากลับก็ได้ อมรเม้มปาก แววตาไม่พอใจ แต่เนตรนภิศไม่ได้สังเกต เธอชวนเขาทานข้าว ถูกเขาเหวี่ยงกลับ พูดเสียงห้วนว่าไม่หิวและเดินขึ้นห้องไป เนตรนภิศแปลงร่างกลับเป็นนางมาร กระแทกตัวนั่งลงอย่างขัดใจ
รัชนกพยายามทิ้งสายตาให้พงศกร แต่เขาไม่สนนั่งตัวเกร็ง เธอลอบมองเขาอย่างพิจารณา สังหรณ์ใจบางอย่าง...
รัชนกชวนพงศกรคุยเรื่องอมร เขาเล่าแค่ว่าเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียน เธอเล่าเรื่องพี่ชาย แกล้งบอกว่าสงสัยว่าจะเป็นเกย์เพราะสนิทกับเพื่อนผู้ชายมากผิดปกติ แถมเพื่อนแต่ละคนก็หล่อมาดนายแบบทั้งนั้น พงศกรได้ยินคำว่านายแบบก็สนใจขึ้นมา
“พี่ชายคุณนกเป็นนายแบบเหรอครับ”
“สมัครเล่นน่ะค่ะ ที่จริงเขาเป็นช่างภาพ แต่เขารูปร่างดีก็เลยได้เป็นนายแบบจำเป็นบ้างบางครั้ง”
รัชนกหยิบรูปพี่ชายออกมายื่นให้ พงศกรรับมาดูแล้วนิ่งไป อึ้งในความหล่อล่ำ รัชนกยิ้มพรายแกล้งบอกให้ส่งแค่หน้าซอยก็ได้ เธอต่อรถเข้าไปเองได้ พงศกรตกหลุม เสนอตัวขอไปส่งถึงบ้านทันที
พงศกรจอดรถส่งรัชนกที่หน้าคอนโด ศักดิ์ชาย พี่ชายของรัชนกเดินลงมาพอดี พงศกรมองตาเป็นประกาย รัชนกยิ้มสะใจ แนะนำเขาให้รู้จักกับพี่ชายของเธอ ศักดิ์ชายมองหน้ารัชนกแล้วยิ้มอย่างรู้กัน แสร้งบอกว่าอยากได้พงศกรมาเป็นนายแบบในสังกัด ยื่นนามบัตรให้ แอบลูบที่ฝ่ามือพงศกรเบาๆ แล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ พงศกรวูบวาบหน้าแดง มองหน้าศักดิ์ชายงงๆ แล้วรีบขึ้นรถออกไป รัชนกหันไปยิ้มกับศักดิ์ชายตาวาว
“ทดสอบแล้วใช่ไหมคะพี่ชาย”
“ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยน้องสาว”
ทั้งสองยิ้มให้กัน ดีใจที่รู้ความลับเพิ่มอีกอย่าง เดินโอบกันขึ้นตึกไป...
ooooooo
เจนภพร้อนใจเรื่องมุตตากับวีกิจ แอบโทร.นัดเธอแต่เช้า บอกว่าจะไปรับตอนเจ็ดโมง มีเรื่องอยากคุยด้วย แต้วกับยายแหวงแอบได้ยิน พยักพเยิดให้กันอย่างรู้ทันเจ้านายหนุ่ม มุนินทร์วางสาย ยิ้มเยาะ ใช้มือถือโทร.หาวีกิจ
เจนภพมาถึงหอพักตรงเวลาพอดี มุนินทร์เปิดประตูออกมา เสื้อผ้าหน้าผมเนี้ยบไปทั้งตัว เจนภพมองด้วยความหลงใหล ขยับตัวจะลงจากรถแล้วชะงัก วีกิจก้าวตามเธอออกมา ในมือหิ้วถุงปาท่องโก๋ เดินเคียงกันไปขึ้นรถ มุนินทร์เห็นรถเจนภพ ลอบยิ้มสะใจ หันไปบอกวีกิจว่าพรุ่งนี้เธอจะไปเอง เกรงใจต้องมารับเธอแต่เช้า วีกิจยิ้มให้เธอ
“คุณเพิ่งจะเหมือนมุตตาคนเดิมก็ตอนนี้แหละ”
มุนินทร์ชะงัก ถามว่าเพราะอะไร วีกิจยิ้มบางๆ
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ไม่เหมือนเดิมน่ะดีแล้ว”
มุนินทร์มองหน้าเขางงๆ เขาปลดล็อกรถและเปิดประตูให้ กำลังก้าวขึ้นไปนั่งแล้วหยุด หันไปมองรถเจนภพยิ้มสะใจ วีกิจแอบมองตาม เห็นรถอาหนุ่ม นึกรู้ว่าเธอเรียกเขามารับแต่เช้าเพราะอะไร แต่เลือกจะไม่พูด ขึ้นรถและขับออกไป เจนภพมองตาม อารมณ์เสีย หน้าเคร่งแต่พยายามข่มไว้...
มุนินทร์นั่งพิมพ์รายงานการประชุมอย่างตั้งใจ แจงจิตเดินเข้ามาบอกว่ารายงานของเธอสะกดผิดเยอะแยะ มุนินทร์ยักไหล่บอกว่าสมัยเด็กๆ เธอสอบภาษาไทยได้ที่โหล่ทุกที แจงจิตไม่สะกิดใจ ถามลูกน้องสาวว่าทำไมไม่ใช้โปรแกรมช่วยสะกดคำ เธอบอกว่าบางทีมันก็เตือนแบบปัญญาอ่อน เลยไม่อยากใช้เพราะไม่รู้ว่าผิดจริงหรือเปล่า อรพิมกับทิพอาภาเห็นด้วยกับมุตตา
“มันได้แต่เตือนว่าผิด ไม่เห็นบอกว่าที่ถูกเขียนยังไง” ทิพอาภาเสริม
“ทีหลังฉันเขียนโปรแกรมตรวจบรู๊ฟแก้คำผิดอัตโนมัติมาขายหาเงินดีกว่า” มุนินทร์พูดยิ้มๆ
ทุกคนในแผนกได้ยิน มองหน้ากันงงๆ มุตตาผู้แสนอ่อนหวาน เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่
“อย่าเพิ่งฝันเฟื่องไปถึงโน่นเลย มาแก้คำผิดให้ฉันก่อนเถอะ” แจงจิตบอก
“ค่ะ ถ้าทีนี้ยังผิดอีก ฉันจะลาออกไปเป็นโคโยตี้ดีกว่า เมื่อเช้าฉันดูเขาออกทีวี เงินเดือนเดือนละแสน ไม่เห็นต้องทำอะไรมาก แค่เลื้อยไปเลื้อยมาเท่านั้นเอง”
ทุกคนฟังมุตตามาดใหม่พูดแล้วอึ้งเป็นรอบที่สอง ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดโลดโผนจากปากสาวเรียบร้อยประจำแผนก...หรือว่าอกหักรักคุดทำให้คนแกร่งขึ้นได้จริงๆ
ooooooo
มุนินทร์ไปพักในห้องแพนทรี่ เธอยืนรินน้ำแดงใส่แก้วน้ำแข็ง ยกขึ้นจิบและวางลงที่โต๊ะ ทันใดนั้นมีมือโอบกอดเธอจากด้านหลัง ซุกไซ้ซอกคอ
“ตา สุดที่รักของผม ผมรักตาเหลือเกิน เลิกโกรธผมซะที”
มุนินทร์ดิ้น เจนภพยิ่งรัดแน่น เธอเลยยืนเฉยๆ เขาคลายแขน หมุนร่างเธอให้เผชิญหน้ากัน ส่งสายตา
ออดอ้อน วิงวอนให้เธอหายโกรธ
“รักหรือว่าหื่นคะ นี่ที่ทำงานนะคะ ไม่ใช่ที่ทำง่าน”
หญิงสาวยิ้มเยาะ แววตากร้าวขึ้น เจนภพอึ้ง ไม่คิดว่า มุตตาผู้แสนอ่อนหวานจะยอกย้อนเขาแบบนี้
“ตาก็รู้ว่าตาเหมือนกับไฟ และตาก็คือน้ำทิพย์ที่ดับไฟนั้นด้วย”
เจนภพมองเธอตาเชื่อม หลงใหลมุตตาในมาดใหม่ มุนินทร์เลิกคิ้วกับคำรักสำนวนลิเก ไม่เข้าใจว่าน้องสาวเธอทนฟังได้ยังไง แกล้งยิ้มหวาน สะบัดผมและเผยอปาก แววตายั่วยวน
“อะไรจะน้ำเน่าขนาดนี้ ฉันคือน้ำทิพย์ที่ดับไฟหรือคะ งั้นเตรียมรับน้ำทิพย์นะคะ”
หญิงสาวยิ้มหวานกว่าเดิม ดึงหัวเข็มขัดของเขา ใช้นิ้วเกี่ยวขอบกางเกงให้เผยอออก เจนภพตัวชาวูบวาบ หลับตาเคลิ้ม ทันใดนั้นหญิงสาวคว้าแก้วน้ำแดงเทกรอกลงไปที่ช่องกางเกงที่เผยอไว้ เจนภพตกใจขยับตัว น้ำแข็งร่วงพรูจากเป้ามาตามขากางเกงสีอ่อนแดงฉาน มุนินทร์แสยะยิ้ม แววตาชิงชัง
“หวังว่าไฟคงดับแล้วนะคะ”
จังหวะเดียวกันนั้นเอง ปริมกับพรรคพวก แจงจิต อรพิมและทิพอาภาเปิดประตูเข้ามา มุนินทร์ยิ้มสะใจ
เดินแหวกคนออกไป เจนภพเห็นสายตาทุกคู่มองมาที่เป้ากางเกงสีแดงเถือกของตนเป็นตาเดียว เขามองทุกคนตาเขียว ชี้หน้าอย่างเอาเรื่องเมื่อเห็นเลอลักษณ์ ฉกรรจ์และนักรบเตรียมยกมือถือขึ้นมาถ่าย น้ำแข็งที่เป้ากางเกงร่วงลงมาอีก เจนภพอับอาย ผลุนผลันออกไป...
เรื่องเจนภพโดนมุตตาราดน้ำแดงลงเป้าเป็นที่โจษจันกันทั่วกระทรวงเหมือนไฟลามทุ่ง โดยเฉพาะที่แผนกวีกิจเม้าท์กันสนุกปาก วีกิจทำเป็นไม่สนใจก้มหน้า ก้มตาทำงาน แต่แอบเหนื่อยใจ กังวลแทนมุตตา...
วีกิจชวนมุตตาไปทานกลางวันข้างนอก เพื่อเลี่ยงสายตาสอดรู้สอดเห็นและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของคนที่กระทรวง หญิงสาวมองดูเขาขรึมลงและดูกังวลใจ
นึกรู้ว่าเขาเป็นห่วงและหวังดี เธอพูดกับเขายิ้มๆ
“อย่าประคับประคองฉันนักเลย ฉันว่าการเจออะไรร้ายๆ เยอะๆ จะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น”
“แต่มันจะทำให้คุณแข็งกระด้างด้วยสิฮะ”
“ฉันจะพยายามไม่ให้เป็นอย่างนั้นค่ะ”
วีกิจถามเรื่องราดน้ำแดงใส่เป้ากางเกงเจนภพ เธอไม่ยี่หระบอกว่าแค่อยากดับไฟสวาทให้ วีกิจส่ายหน้าเหนื่อยใจ ถามต่อเรื่องที่ขอให้ไปรับเมื่อเช้าเป็นแผนยั่วเจนภพใช่ไหม หญิงสาวเลิกคิ้ว ไม่คิดว่าเขาจะรู้ทัน สารภาพ ว่าจริง วีกิจถอนใจเบาๆ มุตตาคนใหม่ดูเปลี่ยนไปมาก เข้มแข็งขึ้นแต่ก็มุทะลุขึ้นด้วย
ooooooo
มุนินทร์แอบฟังปริมและรัชนกเม้าท์เรื่องมุตตาในห้องน้ำ จนได้รู้ว่ารัชนกแอบเป็นสายให้นพนภาเธอ แสยะยิ้มน้อยๆ แววตาวาววับ เตรียมคิดแผนการกระชากหน้ากากสายลับนกสองหัว
มุนินทร์ไปหาวีกิจที่แผนก เห็นเขาเปลี่ยนหมึกพิมพ์เครื่องถ่ายเอกสารง่วนอยู่ แสร้งอ้อนเสียงหวาน ขอติดรถกลับบ้านด้วย ปริมมองด้วยความหึงหวง มุนินทร์ได้ทีแกล้งบอกให้เขายื่นหน้ามาใกล้ๆ จะเช็ดหมึกที่เปื้อนหน้าให้ วีกิจเขิน ทุกคนมองทั้งคู่เป็นสายตาเดียว ปริมตาวาวทนไม่ได้ปรี๊ดแตก
“ต๊าย เช้าเช็ดน้ำแดง เย็นเช็ดหมึกพิมพ์ จะขยันเช็ดอะไรกันขนาดนั้น”
“เวลาเราถูกคนสาดโคลนบ่อยๆ ก็คงต้องล้างต้องเช็ดกันบ่อยหน่อยมั้งคะ”
“รอยเปื้อนบางอย่าง มันเช็ดไม่ออกหรอกนะ”
“ค่ะ โดยเฉพาะรอยเปื้อนในหัวใจคน”
มุนินทร์ยิ้มยั่ว คนอื่นๆ มองดูด้วยความตื่นตะลึง สองนางปะทะคารมกันอีกหลายยก ปริมโกรธตัวสั่น ถลันเข้าไปหมายจะตบ มุนินทร์เบี่ยงตัวหลบ ผลักปริมไปล้มหน้าทิ่มที่ช่องใส่หมึก หน้าดำเป็นแถบ
“รู้หรือยังคะ ว่าคนโดนสาดโคลนเป็นยังไง”
ปริมกรี๊ด ถลันเข้าไปตบอีก วีกิจกับประสิทธิ์ชัยเข้ามาแยก รัชนกตีหน้าเห็นใจ ปลอบว่าอยู่ข้างมุตตาเสมอ มุนินทร์ในคราบมุตตายิ้มเยาะ แกล้งบอกว่าซึ้งใจที่มีแฟนคลับ
“ว่าแต่ หนูนกนี่ชื่อจริงชื่ออะไรนะ”
“นกชื่อรัชนกไงคะ”
“หรือคะ พี่คิดว่าย่อมาจากนกสองหัวซะอีก”
รัชนกยืนอึ้ง วีกิจเดินมาลากมุตตาออกจากห้อง เธอขืนตัวไว้แล้วหันไปประกาศกร้าวต่อหน้าทุกคน
“ช่วยคาบข่าวไปบอกนังคุณนพนภาด้วยว่าฉันกลับมาแล้ว อยากตบรอบสองก็เชิญ ฉันเตรียมหน้าเอาไว้แล้ว”
วีกิจดึงหญิงสาวออกไป ปริมร้องไห้แค้นใจ รัชนก ยืนนิ่ง...มุตตากลับมาครั้งนี้ คงไม่ยอมให้เธอหรือใครปั่นหัวง่ายๆเหมือนเคยแน่!
วีกิจหน้าเคร่งลากหญิงสาวมาตามทางเดิน มุนินทร์ยิ้มสะใจที่ได้แก้เผ็ดปริมและกระชากหน้ากากรัชนก
“นี่คุณไม่ได้เข้าไปเพื่อขอผมติดรถกลับบ้านใช่ไหม”
“เครื่องถ่ายเอกสารคุณนี่หมึกดำเข้มดีนะคะ”
“แต่คุณก็เปื้อนไปด้วยไม่เห็นหรือ”
“เห็นค่ะ แต่มันก็คุ้มไม่ใช่หรือคะ”
“สักวันหนึ่งคุณจะรู้ว่าไม่มีอะไรคุ้มค่าหรอก ยิ่งต่อความก็ยิ่งเปื้อนมากขึ้น”
วีกิจดุเธอเสียงเข้ม มุนินทร์ยิ้มสดใสอย่างอารมณ์ดี วีกิจแพ้รอยยิ้มของเธอใจอ่อนหายโกรธ หยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดรอยเปื้อนที่แก้มเธอ แล้วแอบเขินเอง เจนภพโผล่มาเห็น ตะโกนทักเสียงดัง อารมณ์หึงพลุ่งพล่านไม่สามารถเข้าใกล้มุตตาได้เหมือนวีกิจ
ooooooo
วีกิจเอาสร้อยมุกที่ซ่อมแล้วไปคืนมุตตา หญิงสาวทำหน้างง เขาบอกว่าเป็นสร้อยที่นพนภากระชากขาดวันที่ไปอาละวาดที่กระทรวง มุนินทร์นึกถึงคลิปฉาว ของน้องแล้วพยักหน้าจำได้ สีหน้าเคร่งขึ้น ถามเขาว่า เอามาให้เธอทำไม เขาบอกว่าซ่อมให้เหมือนเดิมแล้ว อยากคืนให้เธอ
“ไม่มีอะไรเหมือนเดิมหรอกค่ะ”
“ตา ผมอยากให้คุณเห็นว่า ถึงอานภาจะกระชากมันขาดไปแล้ว แต่มันก็ดีเหมือนเดิมได้”
“ฉันบอกแล้วไงคะ ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว คุณคิดว่าฉันจะใส่มันลงหรือคะ”
วีกิจปลอบเสียงอ่อน บอกว่าอยากให้เธอเก็บเอาไว้ หญิงสาวย้อนว่าเพื่อเตือนสติเธอใช่ไหม วีกิจถอนใจ
“ตา อย่าโทษตัวเองสิฮะ เรื่องทั้งหมดผมว่าทุกคนก็มีส่วนผิดด้วยกันทั้งนั้น”
“โอเคค่ะ ฉันจะเก็บมันไว้ วันดีคืนดีฉันอาจจะเอาไปขาย เอาเงินไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ ผอ.กับเมียเขา”
“ก็ดีฮะ เขาสองคนจะได้หมดเวรหมดกรรมกับคุณเสียที”
มุนินทร์ถือสร้อยมุกกลับห้อง มองดูมันอย่างสะเทือนใจ พรเข้ามาหาที่ห้อง ทวงหนี้ที่มุตตาเคยยืมเธอไปหญิงสาวหยิบเงินส่งให้ พรบอกให้เธอไปไถ่สร้อยทอง ที่จำนำไว้ด้วย แล้วเตือนว่าอย่าพกเงินสดเยอะแบบตอนนี้ เดี๋ยวก็เกิดเรื่องเหมือนคราวที่แล้ว มุนินทร์เอะใจ พรเล่าเรื่องมุตตาโดนนพนภาราวี ทั้งจ้างคนทำร้ายและเกือบโดนข่มขืน มุนินทร์ตาวาววับ สะกดความแค้นไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉย แต่ในใจร้อนเป็นไฟ นพนภา...เราจะได้เห็นดีกันแน่!
ปริมแค้นใจที่โดนมุตตาตอกหน้าหงาย แถมยังผลักเธอหน้าทิ่มกองหมึก ตัดสินใจส่งข้อความไปบอกนพนภา
ว่ามุตตากลับมาแล้ว นพนภาเปิดอ่านข้อความ กรี๊ดเหมือนคนบ้าแล่นไปอาละวาดวีกิจที่เพิ่งกลับถึงบ้าน
วีกิจปลอบอาสาวให้ใจเย็นๆ เพราะมุตตากลับมาครั้งนี้ ไม่มีทีท่าว่าจะอยากเข้าใกล้เจนภพ นพนภาไม่เชื่อ ขู่ว่าถ้าเกิดเรื่องอีกจะจัดการให้หนักกว่าเดิม วีกิจหน้าเครียดกังวลแทนมุตตา...
เจนภพกลับมาบ้าน นพนภาเตรียมซักฟอกอยู่แล้ว คาดคั้นผัวว่าทำไมไม่ยอมบอกเรื่องมุตตากลับมาแล้ว
เจนภพตีมึน แกล้งทำรำคาญบอกว่าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันแล้วจะรู้ได้ยังไง เธอบอกให้ไล่ออก เขาบอกว่าทำไม่ได้เพราะ
ต้องเรียกกรรมการมาสอบเป็นเรื่องใหญ่
เจนภพถอดเสื้อเผยให้เห็นแผ่นอกกว้าง นพนภาเห็นแล้วระทวย ความโกรธค่อยๆ เลือนหายไป เดินเข้ามายั่วยวนผัวแทน เจนภพมองท่าเมียรู้ทัน เริ่มโอ้โลมปฏิโลม เบี่ยงเบนความสนใจเรื่องมุตตา เขากล่อมเมียเสียงอ้อน
“นภา เด็กนั่นกับผมไม่มีอะไรกันแล้ว”
“ให้มันจริงเถอะ ถ้าฉันรู้ว่าคุณยังมีอะไรกับมันอีก ฉันจะฉีกอกมัน ฉีกอกคุณด้วย”
“ไม่ต้องกลัวหรอก นายกิจมันรับล้างชามไปเรียบร้อยแล้ว”
นพนภาชะงัก ถึงบางอ้อว่าทำไมหลานชายดูปกป้องมุตตานักตอนเธอถาม เจนภพเห็นท่าทางอ่อนลงของเมีย รีบปฏิบัติการเล้าโลมต่อ จะได้เลิกซักเรื่องมุตตาซะที...เดี๋ยวเสียเรื่องหมด!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น