วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555

นิยาย แรงเงา ตอนที่ 8


ตอนที่ 8
เอกสารลาออกมาถึงมือมุนินทร์หลายวันถัดมา เมื่อเธอนัดเจอกับวีกิจที่ร้านกาแฟหรูเพื่อเอาอัลบั้มรูปที่ถ่ายด้วยกันที่ชายทะเล วีกิจมองหญิงสาวในลุคใหม่ที่เปรี้ยวและเนี้ยบไปทั้งตัวตั้งแต่หัวจดเท้าอย่างตื่นตะลึง ลุกพรวดต้อนรับ มุนินทร์ยิ้มนิดๆ

“ตา...ผมจำเกือบไม่ได้ เชิญนั่งฮะ”

“แปลว่าดีหรือไม่ดีคะ”

“ดีสิฮะ ดีมากๆเลยด้วย...แต่คุณดูแปลกไปจริงๆ เหมือนเป็นคนละคนเลย”

“มุตตาคนเดิมไม่มีอีกแล้วล่ะค่ะ”

“ผมเคยสัญญาไว้ว่าจะเป็นเพื่อนคุณตลอดไป”

“แม้ฉันจะอยากให้เป็นอย่างนั้น แต่ก็...อย่าสัญญาเลยค่ะ”

มุนินทร์พลิกดูภาพที่เขาถ่าย ชมเปาะว่าเขาถ่ายภาพได้ดีเหมือนมืออาชีพ วีกิจยิ้มเขินบอกว่าเพราะ

นางแบบโพสท่าเก่งมากกว่า มุนินทร์ยิ้มชอบใจ สบายใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้คุยกับเขา

วีกิจบอกให้เธอเซ็นเอกสารลาออกที่แจงจิตฝากมาด้วย เพราะมันเป็นเรื่องเงินเดือนเดือนสุดท้ายของ

มุตตา มุนินทร์เซ็นให้เพื่อตัดปัญหา แอบชะงักเพราะกลัวเซ็นชื่อผิด ชายหนุ่มไม่ทันสังเกต เก็บเอกสารลงกระเป๋า หญิงสาวบอกว่ามีนัดต่อกับลูกศร เขาขอตัวกลับสวนกับลูกศรที่เพิ่งมาถึง ลูกศรมองตามยิ้มหวาน หันมาทำตากรุ้มกริ่มใส่เพื่อน

“เจอกันอีกแล้ว ยิ่งเห็นชัดๆก็ยิ่งน่ารัก แล้วเมื่อไหร่จะแนะนำให้ฉันรู้จักซะที เสียมารยาทจริง”

“เขาคงเป็นเพื่อนฉันได้อีกไม่นานหรอก”

“ทำไมจ๊ะ จะอัพเกรดขึ้นมาเป็นแฟนเหรอ”

“ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอก”

“แล้วทำไมจะต้องมาตัดญาติขาดมิตรกันล่ะ”

“เพราะสักวันหนึ่ง ฉันกับเขาอาจจะเป็นศัตรูกันน่ะสิ”

ลูกศรขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจคำพูดแปลกๆ ของเพื่อน มุนินทร์นั่งเหม่อ สับสนในหัวใจ ไม่รู้ว่าควรจะเจอเขาอีกหรือตัดไฟแต่ต้นลมก่อนที่จะรู้สึกผูกพันกับเขามากไปกว่านี้...

มุนินทร์แวะไปเดินเล่นดูของที่ตลาดโต้รุ่งแถวหอพักก่อนกลับบ้าน เธอหยุดดูรถเข็นกาแฟโบราณ มองคนขายใช้กระบวยด้ามยาวตักน้ำเทใส่ถุงกาแฟด้วยใบหน้ายิ้มๆ นึกถึงตอนสมัยเด็ก หญิงสาวหมุนตัวกลับ ชนชายชุดดำที่สวมแว่นดำพรางหน้าตา เขามองหน้าเธอก่อนทัก

“เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า”

มุนินทร์คิดว่าเป็นมุกจีบ บอกปัดว่าเขาคงจำผิดและขอตัวแยกออกไป ชายชุดดำมองตาม แววตาเข้มขึ้น แสยะยิ้มเหี้ยม

มุนินทร์เดินมาเจอกับพร สาวใหญ่ถามถึงชายชุดดำที่หญิงสาวยืนคุยด้วย บอกว่าคุ้นๆรูปร่างและท่าทางแต่ยังนึกไม่ออก มุนินทร์คิดว่าเป็นพวกชีกอ พรไม่ใส่ใจจะถามต่อ ชวนหญิงสาวเดินดูของ

มุนินทร์คิดหนักเรื่องวีกิจ เธอนั่งดูภาพน้องสาวที่ถ่ายคู่กับเขาเมื่อปีก่อน เทียบกับภาพเธอที่ถ่ายคู่กับเขาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เริ่มรู้สึกว่าห้ามใจไม่ให้คิดถึงเขายากขึ้นทุกที หรือว่าเธอจะมีใจให้เขาแล้วจริงๆ แต่มันจะเป็น ไปได้หรือ ในเมื่อคนที่เขารักน่าจะเป็นมุตตาไม่ใช่เธอ!

ooooooo

มุนินทร์ตัดสินใจยุติเรื่องราวของเธอกับวีกิจเพราะกลัวใจตัวเองจะถลำลึกไปกว่านี้ หญิงสาวจัดการเก็บข้าวของของน้องสาวและตัวเองลงกล่อง ติดต่อยกเลิกการเช่า บอกทุกคนที่หอว่าต้องย้ายเพราะที่ทำงานใหม่อยู่ไกล พร ฤดี และศรียืนมองหญิงสาว กรอกเอกสารอย่างใจหาย

“แหม...คนสวยนี่มันโชคดีหลายชั้นจริงๆ ออกปุ๊บได้งานใหม่ปั๊บ” พรเปรยยิ้มๆ

“ไม่เหมือนหนู ถ้าทนป้าโขกสับไม่ไหว คงต้องออกไปแคะขนมครก” ศรีพูดปลงๆ

“นี่นังศรี ต่อให้หล่อนสวย แต่โง่ดักดานเหมือนเดิมก็คงต้องไปแคะขนมเหมือนกันล่ะย่ะ” ฤดีแขวะ

“หรือไม่ก็ถูกเขาหลอกไปแคะ เอ๊ย...ไปขายมาเลย์” พรเสริม

“ความสวยไม่ใช่โชคดีเสมอไปหรอกค่ะ บางที...มันคือคำสาปต่างหาก” มุนินทร์พูดเสียงขื่น

ประสิทธิ์ชัยนัดเจอวีกิจและกริบที่ผับ วีกิจยังไม่มา กริบเลยถือโอกาสอัพเดตสถานการณ์ของวีกิจกับมุตตา

“ตอนนี้เด็กไอ้กิจถูกอามันทิ้งแล้ว ยายนี่ยูเทิร์นมาหาไอ้กิจเฉยเลย ไอ้หอกนี่ก็รับล้างชามหน้าตาเฉย”

ประสิทธิ์ชัยเล่าด้วยความเซ็ง กริบไม่ห่วงนักเพราะเชื่อว่าวีกิจน่าจะเลือกสิ่งที่ดีให้กับตัวเองได้ หันมาถามเรื่องประสิทธิ์ชัยกับรัชนกบ้าง บอกให้พาหญิงสาวมาแนะนำ ให้รู้จัก ประสิทธิ์ชัยพูดถึงแฟนสาวอย่างชื่นชมหลงใหล

“เขาไม่เที่ยวกลางคืนเว้ย รายนี้เด็กดี บริสุทธิ์ผุดผ่อง ยิ่งกว่าน้ำค้างกลางหาว ข้าไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย”

“ถ้าเด็กดีจริงแล้วมาหลงลมเอ็งได้ไงวะ เอ็งฟันแล้วทิ้งมากี่รายแล้ว”

ประสิทธิ์ชัยแอบเคืองที่เพื่อนแขวะ บอกว่าเขาไม่คิดหลอกลวงรัชนก แต่ก็ไม่คิดถึงขั้นแต่งงานเพราะคงลำบาก แม่เขาไม่ชอบลูกสะใภ้ยากจน กริบพยักหน้ารับ เขารู้จักแม่ของเพื่อนดี

“เห็นว่าแม่เอ็งเล็งลูกสาวคุณหญิงวิจิตราให้เอ็งไม่ใช่เหรอ แล้วจะทำยังไงกับหนูนก”

“ก็แต่งสิวะ รวยขนาดนั้น ถึงไม่สวยก็พอหลับหูหลับตาได้ ส่วนเรื่องนก...ทำไมข้าต้องมีเมียคนเดียวด้วยวะ ของดีก็ต้องแบ่งๆ กันใช้สิ”

“เออดี เลวเสมอต้นเสมอปลาย”

กริบส่ายหน้าระอาความเจ้าชู้ของเพื่อน วีกิจเดินยิ้มเข้ามาพอดี ประสิทธิ์ชัยรีบกระซิบไม่ให้พูดเรื่องลูกสาวคุณหญิงวิจิตราเพราะขี้เกียจฟังวีกิจบ่น

วีกิจอยากช่วยมุตตาหางานใหม่ เขาถามกริบเรื่องสมัครงานที่ธนาคาร โทร.เรียกหญิงสาวออกมาเจอ มุนินทร์ กำลังเก็บของที่ห้อง รับปากออกมาอย่างงงๆ

วีกิจเดินไปรับหญิงสาวที่แต่งตัวเปรี้ยวเข้ามาในผับ ประสิทธิ์ชัยมองลุคใหม่ของเธอด้วยความทึ่ง กริบมองหญิงสาวอย่างพินิจ จำได้ว่าที่เคยเจอเธอที่ธนาคาร หญิงสาวไม่ได้มีบุคลิกและท่าทางแบบนี้

“คุณตา...วันนี้สวยร้อนแรง แสดงว่าการลาออกจากกระทรวงเป็นเรื่องดี ทำให้คุณสวยขึ้น” ประสิทธิ์ชัยทักยิ้มๆ

“ขอบคุณกระทรวงค่ะ” มุนินทร์ตอบขำๆ

วีกิจแนะนำหญิงสาวให้รู้จักกริบ บอกว่าเป็นเพื่อนที่จะช่วยเธอหางานใหม่ มุนินทร์มองกริบนิ่ง กริบประหม่านิดๆ บอกว่ามีตำแหน่งประชาสัมพันธ์ธนาคารว่างอยู่ หญิงสาวยิ้ม ดวงตามีแววเศร้าขึ้นวูบหนึ่ง

“ประชาสัมพันธ์หรือคะ ตอนนี้ฉันอยากทำแผนก... ตัดสัมพันธ์มากกว่า”

มุนินทร์พูดยิ้มๆ แต่แววตาหวั่นไหว กริบแอบมองเห็น ลอบดูเธออย่างครุ่นคิด วีกิจไม่รู้เรื่อง มัวแต่กังวลที่หญิงสาวต้องตกงานต่อ วีกิจเสนอตัวไปส่งเธอที่บ้าน มุนินทร์ปฏิเสธเพราะไม่อยากอยู่ใกล้เขาให้ใจว้าวุ่น

“พูดเหมือนคุณไม่อยากให้ผมเทกแคร์คุณอีกแล้ว...มุตตา”

“รู้ไหม บางครั้งฉันก็อยากให้คุณเรียกฉันว่านินมากกว่า”

“นิน...นินจาน่ะเหรอฮะ ไม่เห็นเพราะเลย ชื่อมุตตา เป็นชื่อที่เพราะที่สุดแล้ว ผมเพิ่งรู้ว่ามุตตาแปลว่าไข่มุก”

มุนินทร์เบือนหน้าหนีไปทางอื่น ซ่อนน้ำตาที่รื้น ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ผลุนผลันออกไป วีกิจเห็นท่าทางแปลกๆ ตามไปดูแต่ไม่ทัน หญิงสาวขึ้นแท็กซี่ออกไปแล้ว

ooooooo

กริบคาใจเรื่องท่าทีของมุตตาที่ผับ เขานั่งดูวีกิจจัดเรียงภาพของหญิงสาวในคอมพิวเตอร์ พิจารณาแต่ละภาพอย่างพินิจ คิดว่ามันแปลกๆ เหมือนมีอะไรไม่ชอบมาพากล เขาหันไปถามเพื่อนเสียงเคร่ง

“มุตตาไม่เห็นมีอะไรตรงกับที่แกพูดถึงเลยสักอย่าง...เรียบร้อย อ่อนต่อโลก ขี้อาย พาฝัน แต่ที่ข้าเจอทั้งเข้มแข็ง ฉลาด เชื่อมั่นเหมือนสาวนอก ยังไงกันวะ”

“ฉันก็เคยแปลกใจ แต่ก็เข้าใจว่าตาโดนรังแกมามาก กลับจากบ้านที่เพชรบูรณ์เลยปฏิวัติตัวเองให้แกร่งขึ้น”

“อะไรมันจะง่ายขนาดนั้น จะบอกให้นะ ฉันเคยเจอมุตตาครั้งหนึ่งที่ธนาคาร ไม่ใช่บุคลิกนี้เลยสักนิด เหมือนเป็นคนละคน หรือว่าจะเป็นคนละคนจริงๆวะ”

วีกิจบอกว่าคิดมากไป กริบติดใจ บอกให้เพื่อนเอาภาพของหญิงสาวมาเรียงต่อกัน เขามองภาพมุตตาเมื่อปีที่แล้วเปรียบเทียบกับมุตตาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วอย่างตั้งใจ ฟันธงว่าเป็นคนละคนแน่นอน วีกิจยังไม่เชื่อ มองเพื่อนขำๆ คิดว่าเพื่อนเพ้อไปเอง

มุนินทร์พบสมุดบันทึกของน้องสาวที่ซอกตู้ขณะเดินเช็กรอบๆห้องเป็นครั้งสุดท้าย หญิงสาวหยิบขึ้นมาเปิดดูก่อนลากกระเป๋าออกจากห้องไป แปลกขับรถมาช่วยลูกขนของ มองสัมภาระของลูกสาวคนเล็กอย่างสะเทือนใจ

“หมดแล้วใช่ไหมลูก”

“ค่ะ ไม่เหลืออะไรเลย”

“ชีวิตก็อย่างนี้แหละลูก ไม่ว่าจะได้อะไรมา วันหนึ่งก็ต้องคืนเขาไปจนหมดสิ้น ถ้ามัวแต่ยึดไว้ ก็คือ... ยึดความทุกข์เอาไว้กับตัว”

“พ่อปลงได้หมดใช่ไหมคะ แต่หนู...ทั้งๆที่รู้แต่ก็ทำใจไม่ได้”

ฤดีออกมาส่ง แปลกได้ยินสาวใหญ่เจ้าของหอเรียกลูกสาวว่ามุตตา จะทักแต่มุนินทร์จับมือไว้เป็นเชิงว่าไม่ต้องพูดอะไร ฤดีไม่รู้เรื่อง บอกลาและอวยพรหญิงสาว มุนินทร์พยักหน้ายิ้มๆ แล้วขึ้นรถออกไป...

แปลกกลับเพชรบูรณ์ไปแล้วหลังช่วยลูกสาวขนของเสร็จ มุนินทร์ไปเดินเลือกคอนโดฯหรูริมทำเลดี โดยมีลูกศรช่วยดู มุนินทร์ค่อนข้างถูกใจที่นี่ เพราะแอบสำรวจมาแล้วว่าราคาดีที่สุด

“ฉันว่าดีที่สุดคือใกล้ที่ทำงาน เดินทางสิบนาทีถึง แล้วก็มีฟิตเนส มีสระว่ายน้ำ”

“คงได้ว่ายหรอกยัยนิน ตอนอยู่โน่นเห็นแต่ทำงานงกๆ ไม่เคยเห็นหยุดพัก”

“คนเคยจนก็เป็นอย่างนี้ กลัวว่าจะจนอีก”

ลูกศรส่ายหน้ายิ้มๆ เข้าใจนิสัยจอมมัธยัสถ์ของเพื่อนเป็นอย่างดี นับถือมากกว่าดูถูก เธอชวนมุนินทร์ไปดูที่อื่นแต่เพื่อนสาวบอกว่าเลือกที่นี่แล้ว กระซิบกระซาบบอกราคาที่สำรวจมา ลูกศรตาโต หัวเราะเบาๆ ทึ่งในดีกรี ความงกขั้นเทพของเพื่อน

วีกิจคิดถึงมุตตา โทร.มือถือก็ไม่มีคนรับเลยโทร.เข้าที่หอ ศรีเป็นคนรับสายบอกว่าหญิงสาวย้ายออกไปแล้ว ไปอยู่ใกล้ๆที่ทำงานใหม่ วีกิจอึ้ง ศรียังเม้าท์ต่อเข้าใจว่าแปลกเป็นผู้อุปถัมภ์คนใหม่ของมุตตา วีกิจเซ็งหนักกว่าเดิม ขอวางสายไป ฤดีที่ยืนฟังอยู่บอกศรีว่าแปลกคือพ่อของมุตตา ศรีจ๋อยที่เข้าใจผิด

วีกิจจัดสวนที่บ้านอย่างใจลอย นึกถึงมุตตาด้วยความน้อยใจระคนกังวลใจ ทำไมเธอไม่บอกเขาเรื่องย้ายออก เจนภพแวะมาหาหน้าเซ็งพอกัน ถามหลานถึงมุตตา วีกิจมองหน้าอาหนุ่มนิ่ง ตัดสินใจโกหก

“ไม่ทราบเหมือนกันครับ ช่วงนี้ผมไม่ได้ติดต่อเลย งานที่แผนกก็ยุ่ง ตาเองก็คงยุ่งกับเรื่องหางานใหม่”

“ฉันเคยโทร.ไป แต่ว่าเขาไม่รับสาย ถ้าเขาติดต่อแก บอกให้เขาคิดให้ดีเรื่องลาออก ฉันยังไม่ได้ส่งเรื่องไป ถ้าเขาจะกลับมาก็ได้ เรื่องงานใหม่น่ะ อย่าไปหาเลย”

“ผมไม่คิดว่าตาจะกลับมาหรอกครับ แต่ตาอาจจะดีใจที่อาภพยังห่วงตาอยู่”

“ฉันกับเขาไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันนี่ แกก็รู้อยู่”

เจนภพข่มหลานเสียงหยันก่อนเดินจากไป วีกิจเซ็งหนักกว่าเดิม

ooooooo

มุนินทร์พยายามใช้ชีวิตตามปกติ กลับมาเป็นมุนินทร์ สาวเปรี้ยว เก่งและแกร่งอย่างเต็มตัว เธอย้ายเข้าคอนโดฯหรู ตกแต่งห้องไม่ให้เรียบและโล่งเกินไป ซื้อรถใหม่ ไปรายงานตัวที่บริษัทคอมพิวเตอร์สัญชาติอเมริกัน ทำกิจกรรมต่างๆ ที่เธอคุ้นเคย แต่ก็แปลก...ที่ทุกอย่างไม่ช่วยให้เธอคิดถึงวีกิจน้อยลง

มุนินทร์นำอัลบั้มรูปที่ชายทะเลออกมา วางดอกไม้คริสตัลไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้ง หยิบมือถือของน้องสาวมาดูเห็นชื่อวีกิจเป็นสายไม่ได้รับหลายสิบครั้ง เธอมองอย่างชั่งใจ ในที่สุดก็ตัดสินใจโทร.กลับ ชายหนุ่มกดรับทันทีแต่ยังไม่ทันได้พูดกัน แบตมือถือของเธอก็หมดเสียก่อน มุนินทร์นั่งมองมือถือน้องสาว ตัดสินใจเด็ดขาดเอาใส่กล่องพร้อมกับอัลบั้มรูป ปิดฝากล่องอย่างแน่นหนา หญิงสาวล้มตัวลงนอน วางภาพตัวเองคู่กับภาพแฝดน้อง แม้จะเจ็บปวดใจแต่เธอเชื่อว่าทำสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว...ทั้งต่อตัวเองและมุตตา

ขณะที่วีกิจกับมุนินทร์สับสน ประสิทธิ์ชัยและรัชนกก็หวานชื่น ชายหนุ่มหลงใหลสายลับแอ๊บแบ๊วเป็นอย่างมาก รัชนกเองก็รู้ดี เธอชวนเขาไปดูสร้อยข้อมือเพชร อ้อนให้เขาซื้อให้ ประสิทธิ์ชัยลังเลเพราะราคาเกินงบแต่ก็ไม่อยากขัดใจ เขาเลือกได้สร้อยทองคำขาวเส้นเล็กห้อยเพชรเม็ดเดี่ยวให้แทน รัชนกยิ้มในหน้า ตอบตกลงทันที เขาถอนใจยาว โล่งอกที่หญิงสาวพูดง่าย พนักงานขายยิ้มกว้างดีใจ

“คุณผู้ชายตาถึงจริงๆ เพชรเม็ดนี้น้ำงามมากค่ะ”

“เท่าไหร่ครับ เส้นเล็กนี้”

“แสนสองค่ะ ลดยี่สิบเปอร์เซ็นต์ เหลือแสนเดียว”

ประสิทธิ์ชัยตาเหลือก อยากตบปากตัวเอง รัชนกยิ้มตาพราว แกล้งเอาหน้าอกเบียดแขนชายหนุ่ม ประสิทธิ์ชัยตาวาว วูบวาบขึ้นมา ส่งบัตรเครดิตให้พนักงานทันที

ประสิทธิ์ชัยพารัชนกไปส่งที่คอนโดฯ เขาถามเธอถึงศักดิ์ชาย แววตากรุ้มกริ่ม รัชนกมองออกแต่แสร้งตีหน้าซื่อบอกว่าพี่ชายกลับดึก ประสิทธิ์ชัยไม่รอช้าเข้าโอ้โลมปฏิโลมหญิงสาวอย่างสุดเสน่หา รัชนกแกล้งผลักไสตัดพ้อพอเป็นพิธี แล้วชวนเขาเข้าห้องไป

หลังเสร็จสมอารมณ์หมาย ประสิทธิ์ชัยนั่งพิงพนักเตียง รัชนกนอนซบกับอกชายหนุ่ม แสร้งทำเป็นสาวบอบบาง ไม่ประสีประสาเรื่องบนเตียง เปรยเบาๆ ว่าเขาและเธอไม่ควรลักลอบมีอะไรกันแบบนี้ มันผิดและไม่สมควร ประสิทธิ์ชัยเชื่อแววตาและท่าทีใสซื่อของหญิงสาวหมดใจ ปลอบเสียงอ่อน

“อย่าห่วงเลยฮะ ผมไม่มีวันทอดทิ้งคุณนกแน่”

“นกกลัวค่ะ นกไม่อยากเป็นแบบพี่ตา”

“โธ่...คุณนกจะเอาตัวเองไปเปรียบกับเขาทำไม ผมไม่ใช่คนแบบ ผอ.นะครับ”

“พี่ตาน่าสงสารนะคะ”

“ไปสงสารอะไรเขา นายกิจมันรักของมันจะตาย ผู้ชายยุคนี้ เขาไม่ถือเรื่องอดีตของผู้หญิงหรอกครับ”

“แต่นกไม่คิดว่าพี่ตาจะเลือกคุณกิจ พี่ตายังหลง ผอ.อยู่ พี่ตาแค่ใช้คุณกิจเป็นเครื่องมือให้ ผอ.หึงค่ะ”

ประสิทธิ์ชัยขยับตัวลุกขึ้น แววตาเป็นห่วงเพื่อนอย่างจริงจัง นึกรังเกียจมุตตาที่หลอกใช้เพื่อนเขา รัชนกยิ้มเย้ย สะใจที่เสี้ยมประสิทธิ์ชัยได้...คราวนี้อะไรๆ น่าจะง่ายขึ้น!

ประสิทธิ์ชัยกลัดกระดุมเสื้อเดินออกจากห้องรัชนก เจอกับศักดิ์ชายที่เพิ่งกลับมา ประสิทธิ์ชัยหน้าซีด หันรีหันขวางกลัวชายหนุ่มจะรู้เรื่องตนลักลอบมีอะไรกับรัชนก ศักดิ์ชายเดาเรื่องได้แต่ยังแสร้งตีหน้าเคร่ง ทำทีเป็นพี่ชายหวงน้องสาว แกล้งถามว่าประสิทธิ์ชัยเข้ามาอยู่ในห้องได้ยังไง รัชนกในชุดอยู่บ้านออกมาจากห้อง แววตายิ้มไม่มีพิรุธใดๆ แก้ตัวแทนประสิทธิ์ชัย

“นกจะเปลี่ยนเสื้อ เลยไล่คุณสิทธิ์ไปรอที่ระเบียง”

“แล้วทำไมหัวเธอฟูขนาดนั้น นี่เขาใช้งานเธอหนักเหรอ...หมายถึงที่กองน่ะ”

“พี่ชายน่ะ พูดอะไรก็ไม่รู้”
ประสิทธิ์ชัยใจเต้น รีบขอตัวกลับ รัชนกแกล้งค้อนพี่ชายตาคว่ำ ศักดิ์ชายมองน้องสาวอย่างรู้ทัน

ooooooo

มุนินทร์ย้ายออกไปแล้ว พรขนข้าวของมาเช่าห้องต่อเพราะเห็นว่าทำเลดีกว่า ชายชุดดำที่เคยบุกมาข่มขืนมุตตากลับมาอีกครั้งในกลางดึกคืนหนึ่งเพื่อปิดบัญชี พรร้องกรี๊ด ดิ้นรนขัดขืน ชายชุดดำตบซ้ายขวาให้หยุด

“อย่าส่งเสียง คราวนี้แกเสร็จแน่ นังมุตตาคนสวย”

ชายชุดดำขยับไปเปิดไฟ ผงะที่ไม่ใช่มุตตา เสียงเคาะประตูดังขึ้น เขาหันมาซ้อมพรจนสลบและหลบหนีไป

เช้าวันรุ่งขึ้น...ลูกศรแวะมาหามุนินทร์ที่ห้องทำงาน นินทาณัฐดนัย เจ้านายหนุ่มไฟแรง ให้เพื่อนฟังอย่างเมามัน ชายหนุ่มโผล่เข้ามาพอดี สองสาวยิ้มหวานกลบ เกลื่อน ณัฐดนัยแอบส่งตาหวานให้มุนินทร์ ลูกศรแกล้งแซวเพื่อนขำๆ

“ต๊าย...ทำตาหวานกับเธอด้วย อย่านะยะ คนนี้ฉันจองแล้ว”

“ใครดีใครได้...ล้อเล่น!”

ลูกศรแกล้งทำตาขวาง มุนินทร์ยิ้มๆ หันไปหยิบมือถือที่มีเสียงสัญญาณข้อความดังขึ้น หญิงสาวกดดูข้อความข่าวไปเรื่อยๆ ชะงักเมื่อเห็นข่าวโจรข่มขืนทำร้ายสาวใหญ่ในห้องพัก มีรูปพรหราขึ้นมาด้วย

มุนินทร์รีบไปเยี่ยมพรที่โรงพยาบาลทันที สาวใหญ่อยู่ในสภาพฟกช้ำดำเขียวทั้งตัว คอเข้าเฝือก นอนให้น้ำเกลือ มีฤดีกับศรีเฝ้าอยู่ข้างๆ สามสาวตาโตที่เห็นมุตตาใน ลุคใหม่ เนี้ยบไปทั้งตัว หญิงสาวไม่สนใจ ถามอาการและเรื่องราวจากพร พรหน้าเศร้าบอกว่าเกือบโดนข่มขืน

“แล้วหนูรู้ไหมว่าไอ้บ้ากามนั่นคือใคร มันก็ไอ้คนเดิมที่บุกหอมาปล้ำหนูคราวนั้น แล้วหนูก็เอาเตารีดฟาดมันหน้าแหกไง พี่ย้ายไปห้องหนู มันเลยเข้าใจผิด”

มุนินทร์ทรุดตัวลงนั่งช้าๆ รู้สึกผิดต่อพรที่ต้องมารับเคราะห์แทน

“แล้วหนูจำได้ไหม วันนั้นที่ตลาดโต้รุ่ง ที่มีไอ้แว่นดำทำทีเป็นจีบหนู นั่นแหละมันล่ะ”

“ฉันจำได้ค่ะ นี่หมายความว่า...”

“นังเมียหลวงมันโดนหนูตบตกกระได มันก็เลยตามจองล้างจองผลาญ ส่งไอ้คนเดิมมาไง”

มุนินทร์ปะติดปะต่อเรื่องได้ ตาลุกวาว นพนภา... เธอกับฉันท่าจะไม่ได้จบกันง่ายๆ!

นพนภาได้รับรายงานจากประพงส์ว่ามุตตาย้ายออกไปแล้ว อารมณ์เสียอย่างแรง พาลไปลงกับวีกิจ เขาย้อนถามอาสาวว่ารู้ได้อย่างไรว่าหญิงสาวย้ายออกไปแล้ว นพนภาหน้าเจื่อน เฉไฉบอกว่ารู้มาจากสายสืบ วีกิจยังไม่ไว้ใจ โกหกว่าไม่ได้ติดต่อกับหญิงสาวแล้ว นพนภาเริ่มได้สติที่พาลพาโล พูดกับหลานเสียงอ่อน

“เธอเองก็ไม่น่าไปยุ่งกับนังนี่นะ”

“อานภาอย่าสนใจเลยฮะ เขาอาจกลับไปทำไร่ที่เพชรบูรณ์แล้วก็ได้”

“ขอให้มันจริงเหอะ อาจะได้กรวดน้ำคว่ำขันให้ แต่กลัวจะไม่กลับไปทำไร่ แต่ไปทำนาแทนน่ะสิ นาผืนน้อยน่ะ”

วีกิจถอนใจหนักๆ นพนภายังยึดติดและระแวงมากจนน่ากังวล...

นพนภายังหงุดหงิดเรื่องมุตตา พาลพาโลเอากับเจนภพที่เพิ่งกลับเข้ามา เจนภพได้ยินว่ามุตตาย้ายออกจากหอไปแล้วก็หน้าถอดสี ใจหายและรู้สึกกังวลขึ้นมา

“ตาย้ายไปแล้วเหรอ นี่คุณไปรู้มาจากไหน”

“เอ่อ...นายกิจบอกฉัน”

“ก็สมใจคุณแล้วนี่ อยากให้เขาลาออกก็ออกแล้ว นี่เขาย้ายไปต่างจังหวัด จะได้หมดเรื่องสักที”

“ให้มันจริงเถอะ อย่าให้ฉันรู้เชียวนะว่ามันไปขายกะหรี่ปั๊บไส้เนื้อสดให้คุณไปอุดหนุนอยู่”

“นี่คุณพูดจาอะไรให้ระวังบ้าง เดี๋ยวลูกมาได้ยิน”

“ฉันเป็นแม่ค้า ไม่ได้มีเลือดเจ้าพระยานาหมื่น ฉันจะพูดอย่างนี้ ใครจะทำไม”

“เหรอ แต่ผมว่าแม่ค้าตลาดสด เขายังสุภาพกว่าคุณเลย”

นพนภาร้องกรี๊ด เต้นเร่าๆ ปาของไล่หลังผัวที่เดินขึ้นข้างบนไปอย่างหัวเสีย ต้องพูดโทรศัพท์เดินผ่านมา บอกเพื่อนที่อยู่ในสาย

“ไม่มีอะไรหรอก เสียงละครน้ำเน่าน่ะ เมียหลวงหึงสามี”

ooooooo

เจนภพหงุดหงิดใจที่ไม่รู้เรื่องมุตตา รีบโทร.ไปเช็กที่หอ อารมณ์เสียหนักกว่าเดิมที่รู้ว่าหญิงสาวย้ายออกไปสิบกว่าวันแล้ว เขาเรียกวีกิจมาหาที่ห้องทำงานเพื่อสอบถาม วีกิจยังเคืองอาหนุ่มจากครั้งที่แล้วที่เจอกัน มองด้วยสายตายียวน ท้าทาย

“ที่จริงตาไปก็ดีแล้วนี่ฮะ อาภพกับอานภาจะได้สบายใจเสียที”

“ยังไงฉันก็ห่วง แกก็รู้ว่าตาน่ะอ่อนไหว อ่อนแอ แค่ไหน หรือว่าแกไม่ห่วงตา เห็นประคบประหงมอยู่ตลอด”

“ไม่ฮะ ผมน่ะเลิกเป็นห่วงตาตั้งแต่วันนั้นแล้วล่ะฮะ”

“วันนั้นน่ะวันไหน”

“ก็วันที่ตาตบอานภาคว่ำไงครับ คนที่มีแรงฮึดสู้ขนาดนั้น อาภพไม่ต้องห่วงหรอกฮะ ตาไม่ใช่ตาคนเก่าแล้ว เขาต้องสู้โลกโสมมนี้ต่อไปได้แน่ๆ ผมขอตัวก่อนนะฮะ”

วีกิจเดินออกไปแล้ว เจนภพกำมือแน่น เคืองที่โดนหลานค่อนแคะ...

เจนภพอารมณ์เสียค้างมาที่บ้าน น่าแปลกที่เขาว้าวุ่นใจถึงมุตตาได้ขนาดนี้ เขานั่งใจลอยจนนพนภาสงสัย ถามด้วยความเป็นห่วงผัวนิดๆ เจนภพบอกว่าเบื่อ เธอระแวงขึ้นมาทันที กระแนะกระแหนเรื่องมุตตา

“นี่คุณ อย่ามาหาเรื่องเลย คนเราน่ะ ถ้ามันจะเบื่อ ต่อให้สวรรค์หล่นมากองตรงหน้าก็ยังเบื่อได้”

“มันสวรรค์ไม่จริงน่ะสิ ถ้าเป็นสวรรค์ชั้นนังมุตตา ก็คงไม่เบื่อ”

“เขาย้ายไปแล้ว ไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้ ให้มันจบไปเสียทีเถอะ”

“ถ้ามันจบจริง ฉันจะไปทำบุญล้างเสนียดเก้าวัด แต่ฉันรู้ว่ามันยังไม่จบ”

“รู้ว่าอะไร”

“ฉันรู้ว่าคนแบบมัน สันดานมันชอบแย่งชิงของคนอื่น คนอย่างนังนี่มันไม่ยอมเลิกราหรอก มองตามันก็รู้ มันจงใจจองล้างจองผลาญฉัน นังนี่มันสันดานงูพิษ มีแต่อาฆาตพยาบาทจองเวรจองกรรม”

“อ้อ...แล้วคุณคือนางฟ้าเปี่ยมด้วยเมตตากรุณาสินะ”

นพนภาร้องกรี๊ด เจ็บใจที่ผัวพูดเหน็บ ให้มันรู้กันไป...ว่าเธอกับนังนั่น ใครจะเป็นผู้ชนะ!

ooooooo

มุนินทร์กลับไปเยี่ยมพรอีก สาวใหญ่อาการดีขึ้นมากแต่ยังมีรอยช้ำที่หน้านิดหน่อย พรปรับทุกข์กับหญิงสาวเรื่องงาน บอกว่าเสี่ยจอมหื่นเจ้าของคาเฟ่จะเลิกจ้างถ้าหน้าเธอมีรอยแผลเป็น มุนินทร์มองอย่างเห็นใจ ถามพรว่าจะทำอะไรหลังออกจากโรง-พยาบาล

“ก็คงไปขายเสื้อผ้ามือสองเหมือนเมื่อก่อน ต้องลำบากอีกแล้ว เงินก็ไม่ได้ดีเหมือนทำกับเสี่ย พี่ไม่น่าเช่าห้องน้องอยู่ต่อเลย ซวยจริงๆ ตาต้องระวังตัวนะ มันพลาดคราวนี้ มันต้องเล่นงานตาอีกแน่”

“ไม่ต้องห่วงค่ะ เพราะฉันจะเล่นงานมันกลับบ้าง เอาให้สาสมเลยคราวนี้”

มุนินทร์แววตาวาวโรจน์ ในใจเริ่มคิดแผนจัดการเมียหลวงขี้หึง...เมื่อกลับมาที่ห้องพัก เธอหยิบบันทึกของน้องสาวมาอ่าน พบข้อความบางส่วนเล่าเรื่องราวของเจนภพกับมุตตา

“ผอ.พาไปดินเนอร์อีกครั้งที่ร้าน...บรรยากาศหรูหราไปหมด จนคิดว่าฝันไป”

มุนินทร์มองเงาสะท้อนตัวเองในกระจกนิ่ง แสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม แผนการแรกกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว

วันรุ่งขึ้น...มุนินทร์ในวิกผมบ๊อบดำ ใส่แว่นสีชา สวมเสื้อคลุมนั่งรออยู่ที่โรงอาหารกระทรวงอย่างใจเย็น เธอโทร.หาเจนภพ แกล้งพูดเสียงหวานว่าอยากพบเขา เจนภพตื่นเต้นมากที่ได้ยินเสียงหญิงสาวอีกครั้ง

“ผมก็อยากเจอตาใจจะขาด”

“ฉันอยู่ใกล้ๆ คุณนี่เอง...โรงอาหารกระทรวงไงคะ”

เจนภพเหวอ นึกไม่ถึงว่าหญิงสาวจะกล้ามาที่กระทรวงอีก มุนินทร์อยู่ที่ปลายสาย ยิ้มเย็น รอคอย...

ooooooo

มุนินทร์นั่งคอยเจนภพอย่างใจเย็น เขาปรากฏตัวไม่นานหลังจากเธอโทร.ไป เจนภพมองหญิงสาวในลุคใหม่และวิกผมบ๊อบสั้นสีดำอย่างหลงใหล ทึ่งในความเปลี่ยนแปลงของเธอ

“ตา...โอ้โฮ...ผมจำไม่ได้เลย ตาพรางตัวเก่งจัง”

“ค่ะ ฉันพรางตัวเก่งจนบางทีคุณอาจจะแยกฉันไม่ออกเลยก็ได้”

“ตาแปลกไปจริงๆ แต่ผมก็ดีใจที่ตามาหาผม ทำไมตาไม่ส่งข่าวเลย ผมคิดถึงตา รู้ว่าตาย้ายไปก็ยิ่งเป็นห่วง ตาย้ายไปอยู่ที่ไหน”

“ไม่ใกล้ แล้วก็...ไม่ไกลหรอกค่ะ”

“ตาจะกลับมาทำงานก็ได้นะ ผมสัญญาว่าจะไม่ให้เขามาระรานตาอีก”

“หรือคะ แต่ฉันคงให้สัญญาไม่ได้หรอกนะคะว่าฉันจะไม่ระรานเขา”

มุนินทร์พูดยิ้มๆ แต่แววตาเอาจริง เจนภพไม่ทันสังเกต คิดว่าหญิงสาวประชดเพราะยังงอน มุนินทร์ชวนเขาไปทานกลางวันข้างนอก เจนภพกระตือรือร้นขึ้นมาทันที บอกให้รีบไปเพราะมีเวลาแค่หนึ่งชั่วโมง

“แหม...เวลาของ ผอ.มันช่างรวดเร็วจังนะคะ ฉันอยากไปทานที่นี่...ที่ ผอ.พาตาไปไงคะ ที่นั่นอาหารอร่อย สุดยอด จนตาถึงกับเขียนเพ้อไว้ในไดอารี่เชียวนะคะ”

มุนินทร์โบกโบรชัวร์ห้องอาหารหรูในโรงแรมที่เขาเคยพามุตตาไป เจนภพอึกอักเพราะราคาเกินงบ นพนภาคุมเข้มเรื่องค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะหลังเกิดเรื่องมุตตา มุนินทร์แสยะยิ้ม บอกเขาเสียงหยัน

“มันแพงไปหรือคะ แหม...แต่ก่อนนี่ทุ่มสุดตัว แต่ตอนนี้เศรษฐกิจฝืดเคืองหรือคะ”

เจนภพหน้าเสียถูกแทงใจดำ มุนินทร์แกล้งทิ้งสายตาเชิญชวน บอกว่าจะตอบแทนอย่างคุ้มค่า ถ้าเขากล้าลงทุนกับเธอ เจนภพตาวาว รู้สึกซู่ซ่าขึ้นมาทันที หญิงสาวยิ้มสมใจ ปริมกับรัชนกเข้ามาที่โรงอาหาร เห็นเจนภพคุยกับมุตตา ขยับไปใกล้เพื่อแอบฟัง ได้ยินเจนภพนัดแนะไปเจอกับหญิงสาวที่โรงแรมหรู

“อย่าเลทนะคะ ผอ. เพราะนี่อาหารกลางวัน ไม่ใช่มื้อค่ำจะได้ต่อม่านรูดทั้งคืน”

มุนินทร์ยิ้มเยาะหมุนตัวออกไป เจนภพมองตาม อย่างกระหยิ่มใจ ปริมกับรัชนกตาโต เดินตามหญิงสาวออกไปถึงหน้าลิฟต์ มุนินทร์รู้ตัวอยู่แล้วหันมาทักสองสาวยิ้มๆ แววตามีเลศนัย ปริมเชิดหน้า รัชนกแสร้งดีใจ ถามหญิงสาวมาพบเจนภพเรื่องอะไร มุนินทร์ยิ้มในหน้าพูดเสียงเย็น

“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ แค่มานัด ผอ.ไปทานข้าวเที่ยง น่ะ หนูนกช่วยบอกใครต่อใครหน่อยนะว่า บ่ายนี้ ผอ.อาจไม่เข้าทำงานแล้ว ข้างนอกอากาศมันร้อน อาจจะเช่าห้องโรงแรมต่อเลย กว่าจะหายร้อนหรือเสร็จกิจ ก็คงบ่ายแก่ๆ”

ปริมอ้าปากค้าง ทำหน้ารังเกียจ รัชนกอึ้งแต่แสร้งทำเป็นไร้เดียงสา มุนินทร์ยิ้มเยาะ

“มีเท่านี้ล่ะจ้ะ อย่าลืมบอกต่อด้วย หนูนกคงจะรู้นะว่าใครต่อใครน่ะ ฉันหมายถึงใคร อ้อ...ถ้าติดต่อไม่สะดวกก็ให้คุณปริมช่วยอีกแรงแล้วกัน ขอบคุณล่วงหน้านะจ๊ะ และนี่ก็โบรชัวร์โรงแรม...เผื่อหลง!”

มุนินทร์เข้าลิฟต์ไปแล้ว ปริมมองหน้ารัชนก ทึ่งและอึ้งไม่หาย มุตตามาดใหม่นี่เหลือเชื่อจริงๆ ทั้งสองก้มดู โบรชัวร์ ปริมบอกให้รัชนกรีบโทร.ไปรายงานนพนภา แต่โทร.เท่าไหร่ก็ไม่ติด...

ooooooo

นพนภาง่วนกับเรื่องธุรกิจที่ทำร่วมกับประพงส์ เนตรนภิศกับนภางค์มาหาที่บ้าน ต่างคนต่างทำงานยกเว้นเนตรนภิศที่นั่งดูรายการขายของในทีวี นภางค์ถามลูกสาวเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

นพนภาอธิบายอย่างคล่องแคล่วว่าเป็นพลาซาเก่าที่เธอประมูลมาได้ ประพงส์ซ่อมแซมและต่อเติมใหม่ให้มีผับ โบว์ลิ่ง ไอซ์สเกต และสนุ้กเกอร์

“แล้วก็อาบอบนวดด้วยค่ะ” เนตรนภิศแอบเหน็บ

“เอ๊ะ...แต่ที่ตรงนั้นมันใกล้มหาลัยไม่ใช่หรือลูก” นภางค์แย้ง

“นั่นแหละค่ะยิ่งดี ไม่ต้องไปหาลูกค้าที่ไหน” นพนภาบอกยิ้มๆ

“แหม...จะดีเหรอคะ หากินกับเด็กคราวลูกคราวหลาน ยิ่งอบายมุขอย่างนี้ด้วย”

“นี่นังนภิศ อย่ามาแอ๊บแม่ชีกับฉัน อีเด็กเจนเนอ– เรชั่นเอกซ์เซ็กซ์จัดพวกนี้ ต่อให้ฉันไม่เปิด มันก็หาที่ไปใจแตกได้อยู่ดี ใครๆเขาก็ทำกัน” นพนภาตอกกลับเสียงแหลม

“ใช่...ยายนภาน่ะหยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทอง ไม่เหมือนแก หยิบจับอะไรก็เด้งเหมือนเช็คแก” นภางค์เถียงแทนลูกสาวคนโต

“ค่ะ หนูสร้างบารมีแนวพี่นภาไม่ไหว”

เนตรภนิศพูดประชด น้อยเนื้อต่ำใจที่แม่รักลูกไม่เท่ากัน เห็นนพนภาสำคัญและดีเลิศกว่าเธอเสมอ มือถือ นพนภาดังขึ้น เนตรนภิศชะโงกดู เห็นชื่อรัชนกแล้วตาวาว รีบบอกพี่สาวให้กดรับเพราะอาจมีเรื่องเจนภพมารายงาน นพนภาตาวาวทันทีเมื่อเป็นเรื่องของผัว กดรับสาย

“มีอะไรยะแม่รัชนก ถึงได้กระหน่ำโทร. เมื่อกี้ฉันคุยธุระมูลค่าสิบล้านอยู่เลยไม่ว่างรับ ผัวฉันก่อเรื่องหรือไง”

รัชนกแกล้งพูดเสียงอ่อน บอกว่าเจนภพแอบนัดเจอกับมุตตา พากันออกไปข้างนอก นพนภาลุกพรวด ถามรัชนกเสียงเครียดว่าเจนภพออกไปนานหรือยัง

รัชนกบอกว่าเกือบครึ่งชั่วโมง

“แล้วทำไมแกเพิ่งมาบอกฉัน”

“ก็คุณนภาติดคุยธุระเงินล้านอยู่ไม่ใช่เหรอคะ นกโทร.เท่าไหร่ก็โทร.ไม่ติด”

“ฉันไม่รับก็โทร.หายายนภิศสิ อย่าโง่นักจะได้ไหม”

รัชนกวางสายไปแล้ว นพนภากรีดร้อง เต้นเร่าๆอยู่คนเดียว เจ็บใจที่โดนผัวสวมเขาอีกรอบ นภางค์มองปลงๆ เนตรนภิศยิ้มสะใจ ยุพี่สาวให้รีบไปจับให้ได้คาหนังคาเขา

เจนภพออกจากกระทรวงไปโรงแรมหรู มุนินทร์รออยู่แล้วที่ล็อบบี้ ตั้งใจแต่งหน้าเข้ม สวมชุดเซ็กซี่ จิบค็อกเทลสีสวยอย่างใจเย็น เจนภพมาถึง มองหญิงสาวอย่างตื่นตะลึง มุนินทร์ทิ้งสายตามองอย่างเย้ายวน...ท้าทาย

“ตา...โอ้โฮ ผมเกือบจำไม่ได้”

“อย่าห่วงเลยค่ะ ต่อไปคุณจะจำได้ จำจนวันตายเลยด้วย”

เจนภพยิ้มกริ่ม มองหญิงสาวตาเชื่อม เหลือบตาดูค็อกเทลสีหวานแล้วแปลกใจนิดๆ จำได้ว่ามุตตาไม่ ประสาเรื่องของมึนเมาแบบนี้ มุนินทร์บอกให้ชายหนุ่มจ่ายเงินค่าเครื่องดื่มให้ เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นราคาในบิล แต่ก็ควักเงินมาจ่ายแต่โดยดี มุนินทร์ยิ้มหวาน แววตาเข้มขึ้น

“ดีค่ะ เพราะต่อไป ถึงเวลาที่คุณต้องจ่ายให้ตา... อีกมากมายเชียวค่ะ”

มุนินทร์พาเจนภพไปที่ร้านอาหารที่เขาเคยพามุตตามา เจนภพเฝ้ามองหญิงสาวอย่างหลงใหล แปลกตานิดหน่อยที่เห็นเธอใส่ชุดดำ ที่ผ่านมาเขาแทบไม่เคยเห็นเธอใส่สีนี้ มุนินทร์บอกเสียงเย็นว่าใส่ไว้ทุกข์ เจนภพงงว่าให้ใคร

“ให้...ผู้หญิงของ ผอ.ไงคะ”

“ตาพูดอะไรผมไม่เข้าใจ”

“มันไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจกันง่ายๆหรอกค่ะ เพราะคนเรามักเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เอาความต้องการของตัวเองเป็นใหญ่ ใครจะพังพินาศยังไง ไม่ต้องสนใจ ขอให้ตัวเองได้ก็พอ”

“นี่...ตาพูดเรื่องอะไรกัน”

“ฉันก็พูดเรื่องสัจธรรมของโลกนี้ไงคะ โลกของคนแบบ ผอ.กับเมีย”

เจนภพไม่เข้าใจ มุนินทร์ยิ้มหยัน หันมาสั่งอาหารเมนูพิเศษ เตรียมถล่มเจนภพเต็มที่ หญิงสาวรินไวน์ราคาแพงให้ เขาดิื่มรวดเดียวแต่เธอแค่จิบๆ ส่งตาหวาน  เจนภพชวนกลับไปทำงานที่กระทรวง เธอยิ้มเหยียด บอกว่าน่าเบื่อ สู้เป็นเมียเก็บผู้อำนวยการไม่ได้ สบายกว่ากันเยอะ เจนภพอึ้ง ไม่คิดว่าหญิงสาวจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้

ooooooo

นพนภานั่งรถมากับเนตรนภิศ ร้อนใจจนนั่งไม่ ติด เจ็บลึกในอกที่รู้ว่าผัวกลับไปเจอเมียน้อยอีก นาย ชมคนขับเครียดไปด้วย เพราะนพนภายื่นหน้ามากำกับการขับรถจนเขาตัวเกร็งไปหมด เนตรนภิศมองด้วยความสะใจ แสร้งปลอบพี่สาวให้ทำใจดีๆ นพนภามองน้องตาขวาง หงุดหงิดแล้วพาลพาโลไปหมดทุกอย่าง

นพนภาหมดความอดทนทั้งๆที่ใกล้จะถึงโรงแรมอยู่แล้ว รถติดไม่ขยับ เธอลงไปโบกมอเตอร์ไซค์รับจ้างให้ไปส่งที่โรงแรม เนตรนภิศหน้าเบ้แต่ก็ตามไปด้วยเพราะอยากรู้เรื่อง

นพนภาสภาพหัวยุ่งไม่เป็นทรงก้าวเข้าโรงแรมฉับๆ ไปที่เคาน์เตอร์เช็กอิน ไม่สนใจเสียงซุบซิบและสายตาผู้คนในล็อบบี้ เนตรนภิศตามมาติดๆในสภาพไม่ต่างกัน นพนภาโชว์รูปเจนภพในมือถือ พนักงานหนุ่มหน้าซีดปากสั่น บอกว่าเห็นที่ล็อบบี้เมื่อครู่ก่อน นพนภาปรี๊ดแตก ถามเสียงเขียวว่าผัวเธอเช็กอินห้องเบอร์อะไร พนักงานบอกไม่ได้

“อย่ามาโยกโย้ ฉันถามว่าผัวฉันอยู่ห้องไหน ป่านนี้มันต่อรอบสองกันแล้ว”

“คุณคะฟังก่อนค่ะ สามีคุณไม่ได้เช็กอินจริงๆค่ะ น่าจะแค่มาทานอาหาร” พนักงานสาวเข้าช่วยเพื่อน

“ใช่...มันกินเอาแรงก่อน แล้วค่อยไปกินกันต่อบนเตียง แล้วผัวฉันมันพาอีเมียน้อยไปกินที่ไหน”

“คงอยู่ในห้องอาหารห้องใดห้องหนึ่ง...ในยี่สิบห้องของเราน่ะค่ะ”

นพนภาอ้าปากค้าง เนตรนภิศแอบสะใจแต่แกล้งทำเป็นร้อนรน นพนภาตาวาววับ เดือดถึงขีดสุด

“ขึ้นไปดูมันทุกห้อง ตั้งแต่ใต้ดินจนถึงดาดฟ้า เจ็บใจนัก!”

นพนภารีบแจ้นออกไป เนตรนภิศรีบตาม เหล่า พนักงานมองด้วยความสะใจ...

ขณะที่นพนภากับเนตรนภิศวิ่งวุ่นตามหารอบโรงแรม เจนภพกับมุนินทร์ทานของหวานกันอย่างชื่นมื่น หญิงสาวจงใจใช้นิ้วหยิบเชอร์รี่มาเคลียริมฝีปาก ค่อยๆ กัดเชอร์รี่เข้าปาก เจนภพมองตาเยิ้ม ชวนหญิงสาวเข้าม่านรูด มุนินทร์แสยะยิ้ม พูดย้ำเสียงดังจนบริกรและแขกรอบๆหันมองกันเลิ่กลั่ก

“อ๋อ...ไปม่านรูด จะบ่ายสองแล้วนะคะ ผอ.ไม่คิดจะกลับไปทำงานเหรอคะ”

“กลับสิ แต่ผมต้องได้คุยกับตาก่อน”

“จะคุยหรืออยากกินเชอร์รี่กันแน่คะ ก็ได้ค่ะ แต่ขอฉันส่งข้อความก่อนนะคะ”

มุนินทร์หยิบมือถือที่ตั้งไว้บนโต๊ะ เดินไปป้อนเชอร์รี่อีกครึ่งเข้าปากเจนภพ ก้มลงทาบริมฝีปากบนปกเสื้อเชิ้ตจนเป็นรอยลิปสติก ชายหนุ่มตัวชาตาเคลิ้ม มุนินทร์ทิ้งสายตาเชิญชวนก่อนเดินออกมาที่หน้าห้องอาหาร เช็กดูคลิปในมือถือที่แอบถ่ายภาพตัวเองกินเชอร์รี่ยั่วยวนเจนภพ ยิ้มอย่างพอใจ ใช้โปรแกรมเปลี่ยนเสียงในมือถือโทร.หานพนภา

“เป็นเมียหลวงภาษาอะไรกันคะ ผัวคนเดียวทำไมไม่เอาโซ่ล่ามไว้ให้ดี ปล่อยให้เป็นสัดเพ่นพ่านอยู่แถวนี้”

“ว้าย...แกเป็นใคร”

“จะใครล่ะ...ก็ผู้หวังดีน่ะสิคะ”

“ทำไม...ผัวฉันมันทำไม”

“ก็ฉันเจอผัวคุณมากินข้าวกับเมียน้อย เล้าโลมกันไม่แคร์สื่อ ทั้งล้วงทั้งควัก ถ้าไม่เชื่อก็ลองดูนี่นะคะ”

มุนินทร์กดวางสายเพื่อคลิกส่งคลิป นพนภาเปิดดู คลิป ตาลุกโพลง กรี๊ดลั่น เนตรนภิศรีบมาช่วยดู นึกรู้ว่าเป็นห้องอาหารชั้นบนสุดของโรงแรม รีบลากพี่สาวไปขึ้นลิฟต์ สวนกับมุนินทร์ที่หน้าร้านอาหาร หญิงสาวตั้งใจเดินสวนกระแทกไหล่นพนภาจนเซไป แต่สองพี่น้องไม่ใส่ใจและจำเธอไม่ได้ ตั้งหน้าตั้งตาไปจับเจนภพอย่างเอาเป็นเอาตาย มุนินทร์ค่อยๆเดินตามไปดู ยิ้มเยาะสะใจ

เจนภพอยากจะบ้าตายเมื่อเห็นบิลค่าอาหาร หวังว่า หญิงสาวคงจะตอบแทนเขาจนคุ้มทุน เขาก้มลงเปิดกระเป๋าสตางค์หยิบบัตรเครดิต เงยขึ้นมาเจอเมียยืนจังก้า เนตรนภิศยิ้มกระหยิ่มอยู่ด้านหลัง หนุ่มใหญ่หน้าซีดเผือด แขกโต๊ะอื่นๆ หันมามองแล้วซุบซิบกัน

“มากินข้าวกับอีนั่นใช่ไหม นี่มันไปไหน อีดอกส้มน่ะ”

“ส้มเสิ้มอะไร มากับเพื่อนที่ออกรอบด้วยกัน”

“ต๊าย...พี่นภาดูที่ปกเสื้อสิคะ” เนตรนภิศพูดยิ้มๆ ชี้ไปที่ปกเสื้อพี่เขย

“อ้อ...เพื่อนผู้ชายนี่คงเป็นนังกะเทยสินะ มันถึงได้ทาปากแดงเลือดนกขนาดนั้น”

เจนภพเอียงคอดูปกเสื้อตัวเอง ใจหายวาบ มุตตาทำพิษเสียแล้ว นพนภาปรี๊ดแตก ถลาเข้าไปตบตีผัวด้วย ความคับแค้นใจ เนตรนภิศยืนมองเฉย ยิ้มอย่างสาสมใจ นพนภาพาลอาละวาดกับบริกร ถามหาหญิงสาวที่มากับผัว แต่ไม่มีใครยอมบอกอะไร ยิ่งโมโหหนัก ทำลายและขว้างปาข้าวของในห้องอาหารอย่างบ้าคลั่ง ผู้จัดการหนุ่มรุ่นน้องของเจนภพและ รปภ.รีบวิ่งมาดู

“นี่มันอะไรกันคุณ มาอาละวาดอะไรกันแบบนี้... อ้าว...พี่ภพ พี่นภา”

เจนภพส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากหนุ่มรุ่นน้อง ผู้จัดการหนุ่มยิ้มแหยพยายามปลอบให้นพนภาใจเย็น นพนภาเริ่มได้สติ ผ่อนท่าทีลง เจนภพได้ทีตีหน้าขรึมขอกลับก่อน บอกให้ตามเก็บบิลและค่าเสียหายทั้งหมดกับเมียเขา นพนภาหันรีหันขวางคว้าบิลค่าอาหารมาดู ตาลุก

“หมื่นสาม! มันกินอะไรกัน หอยปิดทองฝังเพชรเหรอ”

“พี่นภา นี่มันอะไรกันคะ เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แล้วยังเอาเศษกระดูกที่นังมุตตาเหลือมาแขวนคอ”

“นังนภิศ...แกหุบปากไปเลยนะ”

นพนภาโกรธจนตัวสั่น อารมณ์พลุ่งพล่านเกินจะระงับ เนตรนภิศหน้าซีดที่โดนด่า แต่ก็แอบสะใจที่พี่สาว โดนเมียน้อยลองดี...มุนินทร์มองดูเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างสมเพช ค่อยๆเดินออกไปขึ้นลิฟต์อย่างผู้ชนะในเกมนี้!!!

ooooooo

เรื่องมุตตาปรากฏตัวที่ห้องอาหารกลายเป็นเรื่องซุบซิบทั่วกระทรวงตลอดบ่าย วีกิจยังไม่รู้เรื่องนั่งทำงานง่วนที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ปริมนั่งแต่งหน้าเหลือบตามองชายหนุ่มด้วยความหมั่นไส้ ประสิทธิ์ชัยเป็นห่วงเพื่อน เดินไปบอกเรื่องมุตตากับเจนภพแอบนัดแนะกันเข้าโรงแรม วีกิจชะงัก ในใจระแวงแต่ยังทำเป็นเฉย

“ก็ไม่เห็นแปลกอะไรนี่ ก็คงนัดพูดธุระกินข้าวกัน”

“กลัวแต่ไม่ได้นั่งพูดธุระ แต่เป็นนอนพูดธุระน่ะสิคะ เห็นแต่เพดานกับพรมปูพื้น” ปริมแขวะอย่างอดไม่ได้

“จะอะไรก็ให้เป็นเรื่องของเขาเถอะฮะ ไม่ใช่เรื่องของเราที่ไปแส่เรื่องชาวบ้าน”

ปริมหน้าม้าน หันกลับไปแต่งหน้าต่อ ประสิทธิ์ชัยเดินมาแตะไหล่เพื่อนอย่างเป็นห่วง

“ไอ้กิจ...ข้าไม่อยากให้เอ็งไปยุ่งกับมุตตาเลยว่ะ ข้ากลัว”

“เอ็งกลัวอะไรไอ้สิทธิ์”

“กลัวว่าเอ็งจะถูกหลอกใช้เหมือนที่เขาเคยทำมาแล้ว คบกับเอ็งบังหน้า จนคบกับ ผอ.ได้ไม่มีใครสงสัย อีกอย่างคุณนกบอกว่าเจ้าหล่อนน่ะ ใช้เอ็งยั่วให้ ผอ.หึง จะได้กลับไปหาหล่อนเร็วขึ้นเท่านั้น”

“ขอบใจว่ะที่เตือน แต่เขาอยากทำอะไรก็ช่างเขา ข้าก็อยู่ของข้าอย่างนี้”

วีกิจหวั่นไหวแต่ยังทำเป็นไม่สน ประสิทธิ์ชัยถอนใจเบาๆ หนักใจความซื่อจนเซ่อของเพื่อน...

นพนภากลับมาอาละวาดเจนภพต่อที่บ้าน ทั้งเรื่องที่เขาแอบนัดเจอเมียน้อยและที่ให้เธอจ่ายค่าอาหารแทน เจนภพตีหน้าขรึม ย้อนเมียว่าอยากไปก่อเรื่องก็ต้อง รับผิดชอบเอง นพนภามองผัวตาเขียว

“เจ็บใจนัก ฉันไปช้านิดเดียว นังมุตตาไหวตัวมุดรูมุดร่องหนีไปได้”

“นั่นไง ถ้าผมจะมีอะไรกับเขา เขาจะกลับก่อนทำไม”

“ขนาดรีบกลับก่อน เสื้อยังเปื้อนลิปสติกเป็นแถบ คนที่โทร.มาบอกฉันน่ะ บอกว่าคุณกับอีนั่นกอดจูบล้วงควัก ไม่อายฟ้าอายดิน”

“พวกผู้หวังดี...บ่างช่างยุทั้งนั้น โดยเฉพาะน้องสาวคุณ อยากยุให้เราสองคนบ้านแตกกันเหลือเกิน”

“นี่คุณ...อย่ามาหาเรื่องยายนภิศนะ น้องฉันน่ะมันรักฉัน ถ้าไม่ได้ยายนภิศ ฉันคงโง่ดักดานกว่านี้”

“เออ...เอาเถอะ พวกคุณน่ะ ดีวิเศษทุกคน”

“นี่อย่ามาทำเนียนเปลี่ยนเรื่องนะ ในเมื่อคุณยืนยันว่ามันกลับไปทำนาแล้ว ฉันก็จะลองเชื่อดู แต่ถ้าฉันจับได้ว่ามันยังวนเวียนมาทำนาผืนน้อยกับคุณอีก ฉันจะแหกอกซะทั้งคู่”

เจนภพทำหน้าเบื่อสุดขีด นพนภาฮึดฮัดที่ผัวไม่สำนึก คว้าแจกันมาปาแตกกระจายระบายอารมณ์!

ooooooo

วีกิจแบกความกังวลใจเรื่องมุตตากลับบ้านตอนเย็น สร้อยคำเอ่ยถามเรื่องหญิงสาวกับเจนภพ เล่าให้ลูกฟังเรื่องที่นพนภาตามไปอาละวาดถึงโรงแรมที่ทั้งสองนัดเจอกัน วีกิจนั่งฟังหน้าเครียด

“แล้วเผชิญหน้ากันหรือเปล่าฮะ”

“เปล่า เห็นว่าหนูตากลับไปก่อน แม่นภาเลยพังร้านเขาป่นปี้ ค่าอาหารน่ะเป็นหมื่น แต่ค่าข้าวของที่เสียหายน่ะเป็นแสน เลยตามมาทะเลาะกันต่อที่บ้าน เพิ่งจะเงียบไปเดี๋ยวนี้เอง”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันฮะว่าตาเขาคิดยังไง ผมว่าที่ตาลาออกก็เพราะจะได้เปลี่ยนชีวิตใหม่ แต่ทำไมตาถึงกลับมาติดต่ออาภพอีกก็ไม่รู้ฮะ”

“สายสวาทมันยังไม่สิ้นมั้งลูก”

“ฮะ...อาภพคงเสน่ห์แรงมากกว่าที่ผมคิด”

วีกิจถอนใจหนักๆกลุ้มใจ เขาติดต่อเธอไม่ได้มาครึ่งเดือนแล้ว สร้อยคำเตือนลูกด้วยความเป็นห่วง

“ยังไงก็ถอยออกมาเถอะเรื่องหนูตานี่ แม่ไม่อยากให้แกถูกหางเลขเข้าไปด้วย ยังไงอาภพกับอานภาก็เป็นญาติเรานะลูก จะว่าเป็นครอบครัวเดียวกันก็ได้”

“แต่ว่าตาเป็นคนอื่นใช่ไหมฮะ”

วีกิจสะเทือนใจ ขอตัวไปอาบน้ำพักผ่อน สร้อยคำมองตามลูกไปอย่างกังวล...ท่าทางลูกชายเธอคงจะไม่ได้รู้สึกกับมุตตาแค่เพื่อนอย่างที่เคยบอกแน่ๆ

ooooooo

เจนภพรู้สึกผิดที่ทะเลาะกับนพนภา แม้เขา จะแคร์มุตตามากกว่าผู้หญิงคนอื่นที่เคยผ่านเข้ามาใน ชีวิต แต่เขาก็รักนพนภาและรู้ว่าเมียเขาเป็นคนเดียว ที่สามารถบันดาลทุกอย่างได้ ทั้งเงินทอง ฐานะ และ เกียรติยศ เขาตัดสินใจง้อเมียที่ยังเคืองเรื่องที่เขาแอบไปเจอมุตตาที่โรงแรม

เจนภพเดินออกจากห้องน้ำในชุดเสื้อคลุมแหวกให้เห็นอกล่ำ มองเมียที่กำลังนวดครีมลงผิวด้วยแววตากรุ้มกริ่ม นพนภาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แต่ใจเริ่มระทึกที่เห็นสายตาผัว ค่อยๆลูบไล้ครีมอย่างใจเย็น เจนภพเริ่มเล้าโลมเมียด้วยคำพูดและสัมผัส นพนภาสั่นสะท้านด้วยความรัญจวนใจ เจนภพคลอเคลียหนักขึ้น

“เนื้อคุณเย็นจัง”

“ใช่สิ ไม่อุ่นเพราะเลือดร่านมันสูบฉีดเหมือนนังมุตตาหรอก”

“ใครว่าล่ะ เนื้อเย็นแบบนี้แหละ ร้อนๆนอนกอดสบาย”

“คุณนี่นะ...ภพ...ถ้าไม่เจ้าชู้ซะอย่างเดียว”

“คุณก็อย่าหึงให้มันเกินเหตุ ผมรักคุณคนเดียวเท่านั้นแหละ...นภา คนอื่นน่ะ...มันก็แค่ดอกไม้ริมทาง”

“อย่าเด็ดให้มันบ่อยนักก็แล้วกัน อีบางดอกน่ะ กลีบมันมีพิษ”

เจนภพยิ้มในหน้า นพนภาอ่อนระทวย ให้อภัยหมดทุกเรื่องเหมือนที่เคยเป็นมา

หลังสุขสมในอ้อมกอดผัว เจนภพหลับสนิท นพนภาแอบออกมาโทร.หาประพงส์ ขอร้องให้เขาส่งคนไปเช็กเรื่องมุตตาที่ว่าย้ายกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ถ้าเป็นเรื่องโกหกก็ขอให้จัดการขั้นเด็ดขาดไปเลย...

มุนินทร์คิดถึงวีกิจ หญิงสาวนั่งดูภาพที่ถ่ายด้วยกันที่ชายทะเลอย่างเหม่อลอย น่าแปลกที่ความรู้สึกของเธอ ไม่จางหายไปง่ายๆเหมือนทุกที  และนับวันก็ชักจะหักห้ามใจ ตัวเองยากขึ้น เธอต่อสู้กับใจตัวเองอย่างหนักว่าควรจะห้ามใจ หรือปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามหัวใจเรียกร้อง สุดท้ายก็ตัดสินใจโทร.หาเพื่อฟังเสียงเขาแต่ไม่พูดอะไรและกดวาง

ด้านวีกิจก็คิดถึงหญิงสาว สับสนในหัวใจ ไม่เข้าใจว่าเธอกลับมาเจอกับอาของเขาทำไม หรือว่าเขาจะกลายเป็นเครื่องมือของเธอจริงๆ อย่างที่ประสิทธิ์ชัยบอก...

ขณะที่วีกิจกังวลเรื่องมุตตา ประสิทธิ์ชัยพารัชนกมาช็อปปิ้งอย่างสุขใจ ปริม เลอลักษณ์ และคู่หูกะเทยตามมาด้วย ทุกคนกำลังเดินดูของที่แผนกเสื้อผ้าสตรี รัชนกเลือกได้ชุดนอนลูกไม้สุดวาบหวิว ประสิทธิ์ชัยหน้าเมื่อยเพราะต้องเป็นคนจ่ายเหมือนเคย

“เฮ้อ...ทำไมแพงจัง นี่ผมจะหมดตัวแล้วนะฮะ”

“แล้วคุณสิทธิ์ไม่อยากเห็นนกใส่ชุดนี่คืนนี้เหรอคะ”

รัชนกยิ้มยั่วยวนพลางเบียดตัวเข้าเสียดสีที่แขนเขาเบาๆ ประสิทธิ์ชัยร้อนวูบวาบไปทั้งตัว

“ผมแทบรอไม่ไหวแล้วสิ”

“จุ๊ๆ เดี๋ยวพี่ปริมได้ยินค่ะ”

ปริมเดินมาหาพอดี รัชนกผละตัวออก หันไปมองปริมหน้าซื่อตาแป๋ว

คณะช็อปปิ้งเดินออกจากห้างพร้อมถุงพะรุงพะรัง มุ่งไปที่ลานจอดรถ ทันใดนั้น...มีรถสปอร์ตคันหนึ่งแล่นเข้าจอดที่ช่องสำหรับวีไอพีอย่างรวดเร็ว คณะช็อปปิ้งมองตามอย่างสนใจ อยากเห็นหน้าตาคนขับ

“รถสวยจังค่ะ คุณสิทธิ์” รัชนกพูด

“นี่มันรุ่นลิมิเต็ดด้วยนะฮะ เมืองไทยมีไม่กี่คันหรอก นั่น...คนขับเป็นผู้หญิงซะด้วย” ประสิทธิ์ชัยบอก

“สงสัยจะเป็นพวกไฮโซ” ปริมเปรยลอยๆ

ลูกศรก้าวลงมาจากรถ แต่งตัวเปรี้ยวตามสไตล์ คณะช็อปปิ้งมองตาค้าง ประทับใจในความสวยเฉี่ยว มุนินทร์ลงมาจากข้างคนขับในชุดเรียบแต่เนี้ยบและ

ดูแพงไปทั้งตัว คณะช็อปปิ้งอ้าปากค้าง อุทานชื่อมุตตาเสียงดัง วิพากษ์วิจารณ์กันเป็นการใหญ่ ค่อนแคะและถากถางหญิงสาวอย่างเสียๆหายๆ ถึงเรื่องที่เธอร่ำรวยและดูดีจนผิดสังเกต

ooooooo

ประสิทธิ์ชัยมาส่งรัชนกที่คอนโดฯ และลงเอยที่เตียงเหมือนเคย ชายหนุ่มนอนหายใจหอบพิงพนักมีรัชนกซบอก หน้าตาสุขสม ไร้วี่แววสาวใสอ่อนต่อโลก แสร้งตัดพ้อว่ารู้สึกผิดที่ต้องลักลอบอยู่ด้วยกัน ประสิทธิ์ชัยหน้าเมื่อยแต่ก็ปลอบเสียงอ่อนว่าเขาเป็นแค่ข้าราชการ แม้บ้านจะรวยแต่ก็ยังไม่พร้อมจะแต่งงาน

“นกรู้ค่ะ ว่าพ่อแม่คุณไม่อยากได้ลูกสะใภ้แบบนก”

“ไปรู้มาจากไหนกัน ไม่จริงสักหน่อย”

“คุณหญิงแม่ของคุณคงหาพวกลูกท่านหลานเธอเอาไว้ให้คุณแล้วใช่ไหมคะ”

“โธ่...ไม่มีหรอกครับ คุณนกอย่าไปสนใจเลย”

“ถ้าวันหนึ่งคุณทิ้งนก นกจะทำยังไงดีคะ”

“ไม่มีวัน ผมจะมีแต่คุณคนเดียวเท่านั้น ผมไม่มีวันทิ้งคุณ...ผมสัญญา”

“นกก็จะไม่ยอมให้คุณทิ้งนกเหมือนกัน”

รัชนกขยับตัวขึ้นจูบชายหนุ่มอย่างยั่วยวน ประสิทธิ์ชัยหลับตาจูบตอบอย่างสุขสม...ไม่รู้เลยว่ากำลังถูกหลอก!

วันรุ่งขึ้น...ปริมเอาเรื่องที่เห็นมุตตาในลุคใหม่ ขับรถสปอร์ตไปเดินห้างมานินทาที่แผนกอย่างเสียๆหายๆ ประสิทธิ์ชัยส่ายหน้าอย่างระอากับการใส่สีตีไข่ของปริม รัชนกแกล้งทำเป็นเห็นใจวีกิจ สบตาประสิทธิ์ชัย บุ้ยใบ้

ไปทางวีกิจที่นั่งทำงานนิ่งอย่างเป็นกังวล

“นางแต่งตัวบอกยี่ห้อนะ กระโปรงน่ะแหวกเกือบเห็นเถ้าแก่น้อย ขับรถสปอร์ตมากับเพื่อนผู้หญิงท่าทางแรด...อย่างกับโสเภณีชั้นสูงยังไงยังงั้น” ปริมกระแนะกระแหนอย่างมันปาก

“อย่างนี้ก็คงจะตามสูตร รถเก๋ง คอนโดฯ แหวนเพชร...อย่างเราจะมีคนมาทุ่มทุนสร้างแบบนี้บ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้” เลอลักษณ์ผสมโรง

“บางทีอาจไม่ลงทุนมากเท่าไหร่ก็ได้ อาหลานช่วยกันลงขัน วันคู่อา วันคี่หลาน สลับคิวให้ดีไม่มีชนกัน”

ปริมแขวะด้วยความหมั่นไส้

วีกิจลุกขึ้นมาอย่างเหลืออด แต่ยังรักษาท่าที

ให้สงบ เดินช้าๆไปเก็บเอกสารเข้าตู้ หันมาพูดเสียงเรียบ

“หาข้อมูลเอาไว้เยอะๆก็ดีฮะ เผื่อวันไหนตกต่ำจะได้ไปทำอย่างที่ว่าคนอื่นเขาได้คล่องๆ”

ปริมอ้าปากค้าง เต้นเร่าๆที่โดนชายหนุ่มตอกกลับหน้าหงาย...

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น