วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555

นิยาย แรงเงา ตอนที่ 5



ตอนที่ 5
พรพามุตตาไปพบเสี่ยเจ้าของคาเฟ่อีกครั้งเพื่อยืมเงินทำพิธีสะเดาะเคราะห์ มุตตาในชุดเซ็กซี่เดินเข้าเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ในเวลาค่ำคืน สีหน้ากังวลและลังเล

“ของเก่ายังไม่ได้ใช้ มายืมอีกแล้ว แต่ไม่เป็นไรเสี่ยไว้ใจหนู เสี่ยให้สามหมื่นเลย”

เสี่ยมองมุตตาด้วยสายตากะลิ้มกะเหลี่ย นับเงินส่งให้ มุตตาอึดอัด เอ่ยขอบคุณเบาๆ บอกว่าจะหามาคืน ให้เร็วที่สุด เสี่ยมองมุตตาตาเยิ้ม แกล้งบอกให้พรออกไปหยิบกระเป๋าที่เคาน์เตอร์ด้านนอก ขยับเข้าไปนั่งใกล้มุตตาด้วยท่าทางหื่น โลมเลียด้วยคำพูดและสายตา  มุตตา ตกใจกลัวหน้าซีด ลุกพรวดวิ่งหนีไป

มุตตาคับแค้นใจจนน้ำตาร่วง เดินแกมวิ่ง สีหน้ายังตื่นๆ เข้าไปในซอยหอพัก วีกิจแวะมาหาเธอพอดีจอดรถทักเธอ มุตตาอึ้ง แม้เขาจะมองมาอย่างห่วงใยเหมือนเคย แต่เธออับอายมาก เข้าใจว่าเขามาเพื่อเยาะเย้ย...

“ตา ที่ผมมาหาเพราะผมเป็นเพื่อนคุณ”

“คุณยังเห็นตาเป็นเพื่อนอยู่อีกหรือ เรื่องทั้งหมดตาผิดเองที่ไม่ยับยั้งชั่งใจ ปล่อยให้ทุกอย่างมันเกินเลยขนาดนี้”

“คนเราตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกฮะ คุณอาจจะทำผิด แต่อาภพก็ผิดด้วย และที่อานภาทำก็ไม่ใช่ว่าถูก”

วีกิจพูดปลอบอย่างอ่อนโยน เขาไม่อยากให้มุตตาโทษตัวเองอยู่ฝ่ายเดียว “ผมเคยบอกตาแล้วว่าทุกคนทำผิดได้ แต่เมื่อรู้แล้วจะทำยังไงให้ถูกต้อง ไม่ให้ผิดซ้ำสองต่างหาก”

มุตตาหลบตาละอายใจเหลือเกินที่ต้องมาเจอเขาในสภาพนี้ แสร้งทำประชดประชัน วีกิจถอนใจเบาๆ

มองเธออย่างเข้าใจเหมือนเดิม มุตตารู้สึกผิดลุแก่โทษ

วีกิจไปส่งเธอที่หอ พยายามเตือนสติและให้กำลังใจเธอ ค่อยๆแก้ปัญหา มุตตาซาบซึ้งใจ นึกเสียใจที่ทำร้ายความหวังดีของเขา

วีกิจขับรถออกไป พรนั่งรถสวนกลับเข้ามาพอดี ถามมุตตาอย่างเป็นห่วง มุตตาเลี่ยงจะเล่าเรื่องเสี่ยทำชีกอ บอกแค่ว่าเห็นท่าไม่ดีเลยกลับมาก่อน แล้วขอตัวขึ้นห้อง

ฤดีกับศรีชวนพรเม้าท์เรื่องมุตตา พรเล่าว่ามุตตา ท้องกับเจ้านาย เจ้าของรถคันใหญ่ที่มาส่งบ่อยๆ ศรีแปลกใจ นึกว่าเป็นวีกิจเพราะเพิ่งมาส่งมุตตาก่อนหน้าพรกลับมานิดเดียว พรถอนใจเบาๆ

“ไอ้หนุ่มเอ๊ย รักจริงหวังแต่ง นังศรีแกตาถึงส่วนฉัน กับนังหนูน่ะตาถั่ว แต่ยังไงหนูตาก็น่าจะสู้กับมันสักตั้ง”

ขณะเดียวกันที่บ้านเจนภพ นพนภาให้ต่อถอดซิมมือถือของเจนภพมาใส่อีกเครื่อง บอกให้เช็กว่ามีข้อความจากมุตตาส่งมาไหม ต่อบอกว่าไม่มีแต่มีสายโทร.เข้ามา เธอพยักหน้าให้ลูกรับแทน พรอาสาโทร.หาเจนภพแทนมุตตา หันมาบอกว่าเป็นเสียงผู้ชาย น่าจะเป็น ลูกชาย ต่อถามว่าใคร พรบอกชื่อตน ต่อบอกว่าจะไปตามพ่อมารับสาย พรดีใจส่งมือถือให้มุตตา นพนภาคว้ามือถือจากมือลูกไป

“ฮัลโหล ผอ. หรือคะ”

“จำไว้บ้างซียะ ว่า ผอ.น่ะ ย่อมาจากคำว่าผัวคนอื่น นี่เพิ่งด่าไปแหมบๆ ยังไม่เข็ดนะยะ อุตส่าห์ดัดเสียงมาตอแหล ผัวฉันมันเอาแกเล่นๆ รู้ตัวสักทีสิ”

มุตตาตัวสั่น หน้าซีด พรเริ่มผิดสังเกต ดึงมือถือ จากมุตตามาฟัง

“ฟังไว้นะ วันไหนแกโผล่ไปตอแยผัวฉันอีก

ฉันจะตบแกให้หมอไม่รับเย็บ”

“อุ๊ย หล่อนมีมือคนเดียวหรือยะ ถ้าฉันเจอตบ หล่อนก็เจอตีน” พรเหลืออด ตอกกลับแทน

นพนภาอ้าปากค้าง ร้องกรี๊ด ไม่คิดว่ามุตตาจะมีพวกและกล้ายอกย้อนเธอ พรยิ้มสะใจด่ากลับอีกเป็นชุด มุตตาทำหน้าเหมือนร้องไห้ พยายามห้ามแต่พรไม่หยุด นพนภาตะลึง คิดคำด่าไม่ทัน พรวางหูไปก่อน เจนภพเดินมาพอดี ต่อไม่มองหน้าพ่อ เดินเชิดออกไป นพนภากรี๊ดโวยวายกับผัวว่ามุตตาโทร.มาด่าเธอฉอดๆ เจนภพงง ไม่คิดว่ามุตตาจะกล้าด่าใคร แต่ก็สะใจที่เมีย โดนเอาคืนบ้าง

“ก็ดีแล้วนี่ จะได้รู้ว่าคุณไม่ได้มีปากคนเดียว คนอื่นเขาก็มีปากเหมือนกัน”

นพนภายิ่งแค้นมุตตาหนัก มองสามีตาวาว จองเวร แววตาหมายมาดเหมือนมีแผนบางอย่าง...

ooooooo

กริบ เพื่อนวีกิจที่ทำงานธนาคารเห็นมุตตายืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์์ หยิบเงินที่ยืมจากเสี่ยมาฝากธนาคารหมื่นบาท ที่เหลืออีกสองหมื่นเก็บเข้ากระเป๋า เขามองเธออย่างสังเกต เห็นเธอดูเศร้าๆ ไม่สนใจใคร

มุตตาออกมาจากธนาคาร เดินมาตามทางเท้าดูของที่แผงข้างทางเพลิน ไม่รู้ตัวว่ามีชายร่างสูงในชุดดำสวมแว่นดำมายืนข้างๆ ยิ้มให้แม่ค้าและมุตตานิดๆ

ทันใดนั้น ชายชุดดำกระชากกระเป๋าถือมุตตา เธอตกใจพยายามยื้อแย่ง ชายชุดดำหันมาตบเธออย่างแรงจนล้มลงไปที่พื้น แผงขายของกระเจิง ผู้คนร้องเอะอะโวยวาย แล้วหัวขโมยชุดดำก็วิ่งหายไปในซอกตึกพร้อมกับกระเป๋าของเธอ มุตตาหน้าช้ำปากแตก ค่อยๆ ได้สติลุกขึ้นยืน น้ำตาไหลอย่างสุดกลั้น ทั้งเจ็บและเสียดายเงิน

อีกด้านหนึ่งของถนน รถยุโรปคันใหญ่แล่นมาจอด นพนภามองดูเหตุการณ์อย่างสมใจ ใบหน้ายิ้มเยาะสะใจ...

นพนภากลับมาบ้านด้วยความสุขใจได้สั่งสอนมุตตา นภางค์กับเนตรนภิศแวะมาทานของว่างและดูเครื่องเพชร สามคนแม่ลูกเม้าท์กันเรื่องเจนภพมีชู้

นพนภาเจ็บใจไม่หายที่โดนสามีสวมเขาอยู่เป็นปี ทั้งๆ ที่เธอคอยเช็กค่าใช้จ่ายตลอด แต่ก็ไม่มากมายจนผิดสังเกต

“หรือว่านังเด็กนั่นรักผัวแกหัวปักหัวปํา  เงินทองอะไรก็ไม่เอาซักแดง” นภางค์ถามลอยๆ

นพนภาเม้มปาก ไม่เชื่อว่ามุตตาจะรักเจนภพจริงๆ ออกเงินให้เพราะหวังปอกลอกทีหลังมากกว่านภางค์ ส่ายหน้าถอนใจเบาๆ เนตรนภิศแอบยิ้มเยาะ นพนภาต่อว่าน้องสาวที่ไม่ยอมบอกเรื่องเจนภพตั้งแต่เนิ่นๆ ทั้งที่แจงจิตก็ฝากมาเตือนตั้งนานแล้ว เนตรนภิศอ้างว่าไม่คิดว่าเป็นจริง จนส่งรัชนกไปเป็นสายถึงเชื่อ นพนภาเย็นลง บอกให้นัดรัชนกมาเลี้ยงตอบแทน...นภางค์นั่งดูสร้อยมุก ยุให้นพนภาซื้อ

“อีสร้อยฝังมุกอะไรนี่ หนูไม่ใส่แล้วค่ะ แค่เห็นก็เจ็บใจแล้ว เส้นนี้ให้ยายนภิศเถอะค่ะ”

“ยายนภิศมีปัญญาจ่ายที่ไหน มีแต่เจ้าหนี้รอบทาง”

เนตรนภิศฟังแม่แล้วกัดริมฝีปากแน่น เจ็บใจที่แม่ ไม่เคยไว้หน้าเธอเลย นพนภาซื้อสร้อยเส้นนี้ให้เนตรนภิศ ตอบแทนที่เป็นหูเป็นตาให้เธอ เนตรนภิศแสร้งยิ้มดีใจ นพนภายิ้มรับ ไม่เห็นแววตาเยาะหยันของน้องสาว

เย็นวันนั้น เนตรนภิศกลับบ้านมาใส่สร้อยมุกอวดอมร เขามองดูเงียบๆ ถามว่านพนภาซื้อให้เพราะอะไร

“ก็วิธีตอบแทนใครๆ ของพี่สาวฉันไง เอาเงินฟาดหัว มันจะได้คลานมาหมอบ กระดิกหางทุกครั้งที่เรียกใช้”

อมรถอนหายใจเบาๆ เหนื่อยใจกับปมเกลียดพี่ น้อยใจแม่ของเมีย เนตรนภิศเล่าเรื่องเจนภพที่โดนนพนภาคุมความประพฤติแจ แม้เห็นใจพี่เขยแต่ก็แอบสมน้ำหน้า รนหาเรื่องเอง

“ทำไมเขาต้องเจ้าชู้มากขนาดนั้น ทีคุณไม่เห็นเป็น อยู่กันมาเป็นสิบปี ไม่เคยเห็นคุณมองสาวๆ ที่ไหน”

“ผมอาจจะไม่ชอบสาวๆ ก็ได้”

อมรพูดยิ้มๆ เนตรนภิศไม่สะกิดใจอะไร หลงปลื้มที่สามีไม่เจ้าชู้รักเธอคนเดียว พงศกรมารับอมรไปงานเลี้ยงรุ่น เนตรนภิศยิ้มหวานต้อนรับ อมรตาเป็นประกาย ลุกขึ้นคว้าเสื้อนอก เนตรนภิศเดินไปส่งที่ประตู ฝากฝังสามีกับพงศกร เขารับปาก ยิ้มตาพราว

“จะดูแลด้วยชีวิตเลยฮะ”

ooooooo

หลังเหตุการณ์คนร้ายกระชากกระเป๋า มุตตากลับบ้านด้วยสภาพแก้มเขียวช้ำ นั่งหน้าเศร้า บ่นเสียดายเงินและโอกาสสะเดาะเคราะห์แก้กรรม พรทายาให้ บอกให้เลิกคิดเรื่องเงิน เราต้องแก้กรรมเอง ใครก็แก้แทนไม่ได้

พรออกจากห้อง เสียงโทรศัพท์เครื่องใหม่ของมุตตาดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดู เห็นเป็นชื่อ ผอ. จึงรีบรับ

แต่ก็ต้องตกใจเพราะคนที่โทร.มาคือนพนภา ถามเรื่องที่เธอโดนดักทำร้ายเมื่อกลางวัน

“คุณรู้ได้ยังไง”

“ฉันลืมบอกเด็กฉันไปว่าอย่าทำรุนแรงนัก ไม่คิดว่ามันจะตบซ้ำรอยเดิมที่ฉันตบไว้”

มุตตาเบิกตากว้าง เอามือลูบแก้มช้ำๆ นพนภาหัวเราะเยาะ แขวะเธอเรื่องเงินในกระเป๋า

“แล้วเงินสองหมื่นของเธอน่ะ ฉันเอาไปทำบุญให้แล้วนะ เอาไปบริจาคในนามนางสาวมุตตา ให้บ้านเกร็ดตระการช่วยสงเคราะห์โสเภณีกลับใจ เผื่อผลบุญจะทำให้โสเภณีอย่างเธอกลับใจบ้าง”

มุตตาโกรธ หน้าถอดสี บอกนพนภาให้หยุด อย่ายื้อเจนภพไว้อีกเลย เพราะเขาไม่ได้รักนพนภาแล้ว

“เขาสัญญากับฉันว่าจะเลิกกับคุณมาแต่งกับฉัน”

นพนภากลัวว่าจะเป็นความจริง โมโหหนักกว่าเดิม

“ไม่จริง นังสารเลว แกไม่มีปัญญาหาผัวเองจริงๆ ใช่ไหม ก็ได้ ฉันจะช่วยจัดให้!”

นพนภากดตัดสายทันที แค้นใจจนน้ำตาไหล เธอโทร.หาประพงส์ให้ช่วยส่งลูกน้องคนเดิมไปจัดการมุตตา คุยเสร็จหันมาสะดุ้ง เห็นต้องยืนฟังอยู่ ต้องเตือนแม่ว่ากำลังทำบาป นพนภาไม่สนใจเพราะโทสะครอบงำ คิดเข้าข้างตัวเองว่า เธอไม่ได้ทำบาป มุตตาต่างหากที่ทำ เธอแค่ทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเอง...

ยุทธการเฝ้าผัวของนพนภายังคงดำเนินต่อไป เธอหอบงานเอกสารของตัวเองไปทำด้วย คอยสอดส่องจับผิดพฤติกรรมและการแต่งกายพนักงานหญิง จนป่วนไปทั้งแผนก

“นั่นจดหมายอะไร” นพนภาถามเสียงห้วน

“จดหมายราชการค่ะ ลับสุดยอด” อรพิมบอกเสียงตึง

นพนภาไม่สน กระชากจดหมายมาเปิดออกดู พนักงานคนอื่นมองตาปริบๆ ไม่กล้าพูดอะไร เจนภพมองเมียตาขวาง นพนภายิ้มเยาะ บอกว่าเช็กดูเผื่อเจอจดหมายเมียน้อยสอดไส้อยู่ เจนภพอายที่โดนประจานไม่ไว้หน้าแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ กระชากจดหมายคืนแล้วเดินเข้าห้องไป

วีรกรรมคุมผัวแจของนพนภาเลื่องลือไปจนถึงแผนกของวีกิจ ประสิทธิ์ชัยแซววีกิจที่กู้ไฟล์งานที่หายไปไม่ได้เหมือนกู้ใจเพื่อนอย่างมุตตา วีกิจไม่ขำด้วย ปริมหมั่นไส้ อดแขวะมุตตาไม่ได้

“ของบางอย่างมันก็คืนมาง่ายๆค่ะ แต่ของบางอย่างถ้าสูญไปแล้วก็ไม่มีวันได้คืน”

“ฮะ คนบางคนก็คิดถึงแต่ตัวเองจนสูญเสียความเห็นใจเพื่อนมนุษย์ไปจนหมด” วีกิจพูดเสียงเรียบ

ปริมหน้าม้าน รัชนกแสร้งเห็นใจมุตตา บอกว่าเข้าใจหัวอกลูกผู้หญิงด้วยกัน ไม่มีใครอยากกินน้ำใต้ศอก

บ่ายวันนั้น นพนภานัดกับเนตรนภิศ พารัชนกมาเลี้ยงตอบแทนที่เป็นหูเป็นตาให้เรื่องเจนภพ รัชนก แสร้งตีหน้าซื่อ บอกว่ายินดีจะเป็นสายสืบให้นพนภาต่อไป เนตรนภิศถามพี่สาวว่าจะตามคุมเจนภพไปถึงเมื่อไหร่ นพนภาบอกว่าจนกว่ามุตตาจะโดนไล่ออกเพราะขาดงานเกินกำหนด...

ด้านมุตตา ยังคงหมดอาลัยตายอยาก เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง พรเป็นห่วง คอยแวะมาดูและซื้อข้าวให้ มุตตา ซาบซึ้งในน้ำใจของสาวใหญ่จนน้ำตาคลอ นึกละอายและสังเวชใจในสภาพของตัวเอง

กลางดึกคืนนั้น ลูกน้องของประพงส์แอบเข้าไปทำร้ายและพยายามข่มขืนมุตตาที่ห้อง แต่ไม่สำเร็จเพราะพรเข้ามาช่วยไว้ทัน คนร้ายหนีไปได้ มุตตาน้ำตาไหลพราก คับแค้นใจในโชคชะตาที่ตกต่ำถึงขีดสุด

“จำหน้ามันได้ไหมหนู ไอ้พวกวินมอเตอร์ไซค์ หรือเปล่า” ฤดีถามเสียงอ่อน

“ไม่ใช่ค่ะ แต่คือคนที่กระชากกระเป๋าหนู” มุตตาตอบเบาๆ

พรเดือดร้อนแทนมุตตา ถามว่านพนภาเป็นคนบงการเรื่องนี้ใช่ไหม มุตตาพยักหน้าหมดแรง พรถอนใจ เหนื่อยใจกับการจองเวรไม่จบไม่สิ้นของนพนภา ฤดีฟังแล้วเอ่ยกับศรีปลงๆ

“ไอ้ความสวยนี่มันก่อเหตุเภทภัยจริงๆ”

ooooooo

สรรค์มาเยี่ยมเจนภพที่บ้าน เจนภพบ่นให้เพื่อนฟังเรื่องโดนนพนภาคุมแจจนขยับไปไหนไม่ได้ แถมเมียสุดที่รักยังป่วนที่กระทรวงจนอธิบดีเรียกไปต่อว่า บอกให้จัดการเคลียร์ให้เรียบร้อย

สรรค์ถามถึงมุตตา เจนภพบอกว่ายังไม่ได้คุยกันเพราะไม่มีโอกาส สรรค์แนะให้เลิกกับมุตตาเพื่อจบปัญหา

“ไม่มีทาง ตารักข้า ข้าก็แคร์ตามากกว่าใครต่อใครที่ผ่านมา”

เจนภพยืนยันเสียงเข้ม สรรค์ส่ายหน้าระอาในความมักมากของเพื่อน เขาพยายามเตือนสติให้เจนภพนึกถึงปัญหาใหญ่ที่จะตามมาไม่จบไม่สิ้น เพราะนพนภาไม่มีวันยอมเรื่องผัวมีเมียน้อย

“แต่คราวนี้นภาทำเกินไปจริงๆ ไม่ไว้หน้าข้าสักนิด แล้วทำกับตาเหมือนตาไม่ใช่คน”

“มันก็พอกันแหละ แต่คนต้นเรื่องน่ะคือเอ็ง”

“แล้วเอ็งน่ะดีนักหรือ หนูแอ๋ว 2 ของเอ็งน่ะ”

“มันไม่เหมือนกันโว้ย ข้าก็แค่เล่นๆ เด็กก็ต้องการเงิน แต่เอ็งน่ะอยากจะมีหลายบ้านให้ปวดกบาลเล่น”

สรรค์ตอกกลับ เจนภพหน้าหงาย อึ้งที่เพื่อนพูดแทงใจดำ

นพนภาตัดสินใจเลิกตามเฝ้าเจนภพในอีกหลายวันถัดมา เห็นแก่บรรยากาศในกระทรวงที่อึมครึมลงทุกวัน แต่ยังไม่วายขู่ทิ้งท้ายถึงมุตตา

“ฝากบอกนังนั่นด้วย ถ้าวันไหนมันเสนอหน้ากลับมา บอกว่าที่มันเจอน่ะแค่น้ำจิ้ม แต่ต่อไปจะเจอจัดเต็ม”

แม้ทุกคนจะโล่งใจ แต่ก็หวาดหวั่นใจแทนมุตตา พยายามติดต่อเพื่อส่งข่าว แต่เธอไม่ยอมรับสาย วีกิจเป็นห่วงเธอมาก ตัดสินใจไปหาที่บ้าน
“ทำไมตาไม่ยอมรับสายเพื่อนๆ ล่ะครับ ทุกคนเป็นห่วงคุณมากนะครับ”

“ตารู้ว่าทุกคนหวังดี ทุกคนเตือนตาแล้ว แต่ตาไม่ดีเอง ตาไม่มีหน้าไปพูดกับเขาหรอกค่ะ”

มุตตาน้ำตาคลอ รู้สึกผิดและละอายแก่ใจเหลือเกิน วีกิจมองเธออย่างห่วงใย เห็นรอยช้ำที่หน้าและตามตัวเธอ เขาอึ้งไปเล็กน้อยแต่ไม่กล้าถาม เดาว่าน่าจะเป็นฝีมือนพนภา เขาขบกรามแน่น สงสารเธอจับใจ มุตตาหลบตา โกหกว่าเป็นอุบัติเหตุลื่นล้มเอง วีกิจถอนใจเบาๆ บอกเธอให้กลับไปทำงาน เพราะนพนภาเลิกไปที่กระทรวงแล้ว

มุตตาลังเล วีกิจมองเธออย่างเห็นใจ พยายามพูดเตือนสติ

“เราหนีไปไม่ได้ตลอดหรอกฮะ แล้วก็ไม่มีวันหนีมันพ้นด้วย มีอยู่ทางเดียว คือต้องเผชิญหน้ากับมัน”

มุตตายังไม่พร้อมจะกลับไปทำงาน บอกวีกิจว่าอยากเจอเจนภพให้เร็วที่สุด เพราะมีเรื่องสำคัญต้องบอกเขา วีกิจลำบากใจ แต่คิดว่าจะลองช่วยเธอสักครั้งเพราะสงสาร บอกว่าจะหาทางนัดเจนภพให้

วีกิจส่งข่าวเรื่องมุตตาให้เจนภพคืนนั้นเอง เจนภพแปลกใจเพราะไม่คิดว่ามุตตาจะไว้ใจวีกิจมากขนาดนี้ วีกิจมองหน้าอาหนุ่มนิ่ง ตัดสินใจพูดเรื่องมุตตา ไม่ได้หวังจะช่วยให้เพื่อนสมหวัง แต่อย่างน้อยก็เพื่อเตือนสติอาของเขาให้เลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง...แบบที่ลูกผู้ชายพึงกระทำ

“อาภพฮะ สงสารตาให้มากๆ หน่อยนะฮะ ตาไม่ใช่คนเข้มแข็ง ตาเปราะบางเกินไปด้วยซ้ำ แล้วสิ่งที่ตาเจอมันรุนแรงเกินไป ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวในเมืองใหญ่ ถ้าต้องสูญเสียทุกอย่าง ผมกลัวว่าตาจะทนไม่ได้”

“ฉันจะจัดการให้ดีที่สุดแล้วกัน”

“ยังไงฮะ โดยให้ตาเป็นเมียน้อยคอยบำเรอความสุขอาภพตลอดไปหรือฮะ”

“แล้วจะทำไมล่ะ หรือว่าแกเสียดายที่จะไม่ได้รับเดน”

“ผู้หญิงบางคนมีค่าเกินกว่าจะเป็นของเหลือเดนฮะ อีกอย่างเขาว่า ศาลา นารี วีถี คงคา เป็นของกลาง ไม่มีใครเป็นเจ้าของได้ตลอดไป ไม่ใช่หรือฮะ”

เจนภพอึ้ง ไม่คิดว่าวีกิจจะกล้าพูดกับเขาตรงๆ เรื่องมุตตา วีกิจเปิดเมนูเล่นการบันทึกเสียงในมือถือให้เจนภพ บอกว่าเป็นข้อความที่มุตตาฝากมาให้

“ผอ. คะ เราต้องเจอกัน ตามีเรื่องมากมายต้องบอก ผอ. พรุ่งนี้ตาจะไปรอที่กองตั้งแต่หกโมงเช้า เจอกันนะคะ”

เจนภพนิ่งฟังเสียงมุตตา ยิ้มเศร้าๆ ถอนใจยาว...

ooooooo

เจนภพตื่นแต่เช้าไปเจอมุตตาตามนัด นพนภาถามอย่างจับผิดเพราะผิดวิสัย เจนภพแกล้งทำรำคาญ โกหกหน้าตายว่าติดเคลียร์งานตอนเช้า นพนภาเชื่อ สั่งให้นายชม คนขับรถตามประกบเหมือนเดิม เจนภพสุดเซ็ง แต่หน้ายังนิ่ง คิดแผนในใจ...

เจนภพมาถึงหน้ากระทรวงราวๆ หกโมงสิบนาที มุตตามองไปที่รถเขาอย่างยินดี กำลังจะลงจากแท็กซี่ เห็นนักรบ เลอลักษณ์ และฉกรรจ์ยืนอยู่ที่หน้าตึก เปลี่ยนใจอ้อมไปลงข้างหลังตึกแทน

เจนภพวางแผนให้นายชมออกไปซื้อของให้ สักครู่หนึ่งประตูห้องค่อยๆ เปิดออกอีกครั้ง เจนภพตื่นเต้น นพนภาก้าวเข้ามายื่นแฟ้มในมือให้ บอกว่าเขารีบร้อนจนลืม เจนภพใจหายวาบ พยายามพูดให้นพนภากลับ

ออกไป แต่ไม่สำเร็จ เธอมองหน้าสามีนิ่งเหมือนจะจับผิด เจนภพยิ้มเครียดๆ อยากเตือนมุตตาให้รู้ตัว แอบเดินไปแง้มประตูทิ้งไว้ นพนภามองไปที่โต๊ะมุตตา สีหน้าเหม่อๆ

“บางทีฉันก็อยากให้นังนั่นกลับมา กลับมาพูดจากันตรงนี้ พูดกันต่อหน้าคุณ”

“เขาคงไม่กลับมาแล้วล่ะนภา เรื่องมันจบไปแล้ว”

“แน่ใจหรือภพ”

มุตตาก้าวเข้ามาที่หน้าประตูพอดี เสียงของเจนภพลอดออกมา

“ผมแน่ใจ ต่อให้เด็กนั่นกลับมา ผมก็ไม่ขอเกี่ยวข้องอะไรอีกทั้งนั้น”

เจนภพพูดหนักแน่น นพนภายังไม่เชื่อ ส่วน

มุตตายืนตะลึง หน้าซีดราวแผ่นกระดาษ

“จะให้ผมมีเยื่อใยอะไร ก็แค่เด็กใจแตกที่ผ่านเข้ามาเหมือนคนก่อนๆน่ะแหละ”

“แต่มันบอกว่าคุณรักมันแทบตาย บอกว่าคุณจะหย่ากับฉัน มาแต่งงานกับมัน”

“ไปฟังอะไรเด็กนั่น...เราอยู่ด้วยกันมานาน คุณก็รู้ว่าผู้ชายมันก็ต้องมีแวบบ้าง เรื่องธรรมดา ยิ่งเด็ก

มุตตานี่ มันยั่วผมเหลือเกิน ผมก็แค่ตอบสนองให้ มันก็แค่เซ็กซ์ ไม่มีเรื่องรักเรื่องใคร่อะไรทั้งสิ้น คุณก็รู้ว่าเงินทองผมไม่เคยกระเด็น บางทีค่ากินค่าม่านรูด เด็กมันจ่ายเองด้วยซ้ำ”

นพนภายิ้มสมใจ มุตตารู้สึกเหมือนโลกถล่ม ตัวสั่นแทบยืนไม่อยู่ต้องเอามือยันผนังไว้ เจนภพไม่รู้เรื่อง มุ่งหน้าโกหกเมีย กล่อมให้กลับออกไปก่อนที่มุตตาจะมา

“เด็กนั่นไม่มีความหมายอะไร ผมรักคุณคนเดียว ผมบอกคุณเป็นล้านครั้งแล้วว่าคุณเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตผม คุณคือทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเมีย เป็นแม่ของลูก เป็นกำลังใจ เป็นแรงหนุนให้ผมมีวันนี้ คุณคือชีวิต คือลมหายใจของผม”

เจนภพก้มลงจูบเล้าโลมเพื่อความสมจริง นพนภาหลับตาพริ้มมีความสุขที่ได้ยินคำรักจากสามี มุตตายืนมองจากช่องประตูที่แง้มอยู่ ใจกระตุกวูบ ตัวชา เธอหมุนตัวกลับไปช้าๆ น้ำตาไหลอย่างสุดกลั้น ตัดสินใจไม่บอกเจนภพเรื่องท้อง ทุกสิ่งทุกอย่างควรจะจบเสียที...

ooooooo

ภาพที่เห็นและคำพูดของเจนภพทำร้ายจิตใจมุตตาอย่างแสนสาหัส เหมือนโลกอันสวยงามของเธอแตกสลายไปในพริบตา เธอเดินเหม่อมาตามทางด้านหลังตึก มองผ่านรัชนก ปริม และเลอลักษณ์ ที่ตกใจเมื่อเห็นเธอ มุตตาเดินผ่านไปเงียบๆ สายตาว่างเปล่า คล้ายไม่เห็นและไม่ได้ยินอะไร

วีกิจจอดรถใกล้กับประตูทางเข้ากระทรวง เห็นมุตตายืนอยู่ที่เดิมที่เขาเคยเห็นเธอครั้งแรก เขาตะโกนเรียก เธอหันมามองนัยน์ตาเศร้า แววตาเหมือนอยากบอกอะไรหลายอย่าง ทั้งขอบคุณ ขอโทษ และอำลา เขาชะงัก รู้สึกแปลก จะลงจากรถไปหา แต่ก็ช้าเกินไป เธอขึ้นรถ แท็กซี่ไปแล้ว

เวลาเดียวกันนั้น เจนภพยังคอยมุตตาอยู่ที่ห้องอย่างใจจดใจจ่อ แต่รอแล้วรอเล่า มุตตาก็ไม่มา เขาเริ่มเครียด นึกเป็นห่วงเธอขึ้นมาตงิดๆ กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น...

มุตตากลับถึงบ้านอย่างร่างไร้วิญญาณ เจ็บปวดรวดร้าวในหัวใจจนเหลือจะกล่าว เธอนึกถึงคำพูดและการกระทำของเจนภพที่เคยมอบให้เธอตลอดเวลาที่คบหากัน สลับกับภาพเขากับนพนภาในวันนี้ พลอดรักกันอย่างดูดดื่มในห้อง นึกสมน้ำหน้าตัวเองที่เขลานัก คำรักและสัมผัส ของเขาที่เธอเคยหลงใหลนั้น...มันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ!

มุตตาเอามือลูบที่หน้าท้องตัวเองเบาๆ หันหน้าไปที่กระจก ต่อสู้กับใจตัวเองอย่างหนัก เธอควรจะจัดการอย่างไรกับลูกในท้องดี? พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นหน้าโฆษณาในนิตยสารบันเทิงที่เปิดทิ้งไว้

“มีปัญหาเรื่องประจำเดือน เราช่วยคุณได้”

มุตตามองเงาตัวเองในกระจก แววตาลังเล สับสน หรือว่าเธอจะลองดู...

คืนถัดมา มุตตาตัดสินใจไปคลินิกตามโฆษณาในนิตยสาร เธอเดินตัวลีบผ่านย่านแออัดในซอยแคบๆ เต็มไปด้วยป้ายโฆษณาสีสันแสบตามาจนถึงด้านหน้าคลินิก ที่เป็นแค่ผนังกระจกติดฟิล์มขนาดใหญ่ ไม่มีชื่อ มีป้ายบอกรับปรึกษาปัญหาประจำเดือนและตรวจเลือด ผู้คนผ่านไปมามองเธอแล้วซุบซิบกัน มุตตาเดินเข้าไปอย่างกลัวๆ เจอกับพยาบาลที่หน้าเคาน์เตอร์ต้อนรับ

“ประจำเดือนไม่มานานหรือยังคะ”

“เดือนเดียวค่ะ”

“ดีแล้วค่ะที่รีบมา เชิญนั่งรอก่อนนะคะ”

มุตตานั่งรอ สีหน้าหวาดหวั่น มองไปรอบๆ เห็นคนไข้หญิงหลายคนนั่งรออยู่ ประตูบานหนึ่งเปิดออก หญิงสาวในชุดคนไข้เดินเซซังออกมา เลือดสีแดงเปรอะชุดเป็นวง มีเลือดไหลรินมาตามขา หยดลงพื้นเป็นทาง หญิงสาวชี้มือไปที่หมอกับสามีท่าทางวัยรุ่นที่วิ่งตามมา

“แก...แกฆ่าลูกฉัน!”

หญิงสาวทรุดฮวบตรงหน้ามุตตา ยื่นมือมาเกาะขา จนเลือดเปื้อนชุดของมุตตา หมอและพยาบาลรีบมาดึงตัวไว้ ปลอบมุตตาว่าไม่มีอะไร เป็นเรื่องปกติ มุตตา ตะลึงหน้าซีด ลุกพรวดวิ่งออกไป...

ภาพหญิงสาวในชุดเปื้อนเลือด แววตาเจ็บปวดของเธอยังตามหลอกหลอนมุตตาถึงที่บ้าน รอยเลือดที่ชุดยังคงอยู่ไม่จางหายไป มุตตาร้องไห้ สับสน ไม่รู้จะทำอย่างไรกับชีวิตดี ได้แต่สะอึกสะอื้นใต้ฝักบัวในห้องน้ำอย่างอัดอั้น

มุตตาเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมยังเปียกชื้น นั่งลงบนเตียงเก็บข้าวของที่เจนภพให้มาทั้งดอกลิลลี่ที่แห้งกลายเป็นสีน้ำตาลแล้ว เชือกผูกผม น้ำหอม นิยายโรแมนซ์ และชุดแต่งงานที่เธอแอบไปซื้อมา ใส่ลงในกล่องกระดาษใบใหญ่เก็บไว้ที่ตู้เสื้อผ้า เปิดลิ้นชักหยิบของขวัญและภาพถ่ายของเพื่อนๆที่กระทรวงขึ้นมาดูทีละชิ้น หยิบภาพคู่กับวีกิจขึ้นมาดู ตามด้วยดอกไม้คริสตัล ของขวัญจากเขาส่งประกายงดงาม มุตตาแตะมันแผ่วเบา ยิ้มน้อยๆ แววตาลุแก่โทษ

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น มุตตาเห็นชื่อคนโทร.มาแล้วกดรับ น้ำตาคลอ

“พ่อจ๋า”

“เป็นอะไรหรือเปล่าลูก ทำไมหมู่นี้พ่อติดต่อหนูไม่ได้เลย”

“หนูทำมือถือตกน่ะค่ะ เพิ่งจะซื้อเครื่องใหม่”

“แล้วไป พ่อคิดว่าเกิดเรื่องเกิดราวอะไรซะอีก”

มุตตาสะอึก น้ำตาไหลแต่ข่มไว้ไม่ให้สะอื้นออกมา แปลกไม่ทันจับน้ำเสียงแปร่งๆของลูกสาว ถามเรื่องปัญหากับหัวหน้าที่ทำงาน

“มันจบไปแล้วค่ะ ไม่มีอะไรแล้ว”

“ดีแล้วลูก บางครั้งยอมแพ้ซะ อโหสิกรรมกันให้หมด มันก็ดีกว่าการเอาชนะคะคานนะลูก”

แปลกสอนลูกเสียงอ่อน มุตตาฟังพ่อแล้วใจสงบขึ้นเล็กน้อย

“ทางโลกเขาบอกให้สู้ให้มุ่งเอาชนะใช่ไหมลูก แต่ทางธรรมกลับสอนตรงกันข้าม”

“พ่อจ๋า ตาคิดถึงพ่อ คิดถึงบ้าน”

แปลกบอกว่าให้กลับมาเมื่อไหร่ก็ได้ มุตตายิ้มเศร้าๆ ตัดสินใจแล้วว่าจะกลับบ้านให้เร็วที่สุด

ooooooo

มุตตากลับถึงบ้านที่เพชรบูรณ์แต่เช้า เธอยืนดูบ้านที่ตัวเองละทิ้งไปเพื่อชีวิตอิสระ ความรู้สึกละอายถาโถมเข้ามาอีก น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมาอย่างสุดกลั้น ลมหนาวที่พัดมาช่างหนาวสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ

มุตตาถือกระเป๋าเดินทางใบเล็กเข้าไปในบ้าน มองดูรอบๆ ทุกอย่างไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ดูแปลกตานิดหน่อย เพราะสีสันของเฟอร์นิเจอร์บางส่วนถูกเปลี่ยนใหม่ พิณเดินมาจากครัว มุตตาไหว้แม่

พิณบอกว่ามุนินทร์จะกลับมาจากเมืองนอกในอีกสองสามวันนี้แล้ว มุตตากลับบ้านก็ดี จะได้ช่วยจัดบ้านต้อนรับและเจอพี่สาว มุตตาอึ้ง ฝืนยิ้มน้อยๆ ไม่ให้แม่ผิดสังเกต

“พี่นินเขาคงไม่อยากเจอหนูนักหรอกค่ะ”

“เบื่อน้ำหน้าจริงๆ พูดแต่แบบนี้ พี่น้องอะไรไม่รักกัน ยายนินน่ะ ช่วงหลังๆนี่เขาถามถึงแกตลอดนะยะ”

มุตตาไม่ค่อยเชื่อ พิณเล่าว่ามุนินทร์เบื่อชีวิต

ที่เมืองนอกเต็มที ได้ย้ายกลับมาเพราะบริษัทที่ทำงานอยู่มาเปิดสาขาที่เมืองไทยก็ดี ได้เลื่อนตำแหน่งอีกต่างหาก  มุตตาหนักใจที่ต้องเผชิญหน้ากับพี่สาวฝาแฝดที่หน้าเหมือนเธอจนแยกไม่ออก แต่มีชีวิตที่ดีกว่าเธอราวฟ้ากับเหว

มุตตาช่วยแม่จัดทุกห้องในบ้าน จนมาถึงห้องนอนของเธอ เห็นว่ามีการตกแต่งใหม่ ทั้งผ้าม่าน ผ้าปูที่นอน ผ้าคลุมเตียง และโคมไฟเข้าชุดกัน นึกรู้ว่าแม่จะให้มุนินทร์นอนกับเธอ

“แกอึดอัดหรือ”

“ไม่หรอกค่ะ ตอนอยู่ที่ร้านเก่าก็นอนด้วยกันตลอด”

“ร้านนั้นน่ะแคบยังกับรังหนู ไม่ได้ยายนินก็ไม่มี บ้านไฮโซอย่างนี้ อยู่ด้วยกันก็ดี จะได้คุยกันให้หายคิดถึง”

พิณออกจากห้องไปแล้ว มุตตานั่งเศร้าอยู่บนเตียง กังวลใจลึกๆที่ต้องเจอกับพี่สาวอีกครั้ง...

มุตตาเดินไปหาแปลกที่โรงเรือนเพาะชำเล็กๆ หน้าบ้าน น้ำตารื้นขึ้นมาอีกที่ได้เห็นหน้าพ่อ เธอเดิน เข้าไปกราบที่อก แปลกงงเล็กน้อย แต่ดีใจมากกว่าที่ได้เจอลูกสาว

“หนูผอมไปนะ แต่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ดีแล้วที่ไปอยู่คนเดียว พึ่งพาตัวเองได้ อีกหน่อยจะได้เก่งเหมือนยายนิน”

“ไม่หรอกค่ะ ถ้าหนูเหมือนพี่นิน ก็คงไม่เป็นอย่างนี้”

มุตตาบอกพ่อเสียงเศร้า แปลกเดาได้ว่าลูกคงมีเรื่องไม่สบายใจ คิดเอาเองว่าเป็นเรื่องที่ทำงาน ปลอบลูกให้ค่อยๆคิด ทุกปัญหามีทางออกเสมอ มุตตาฝืนยิ้มชวนพ่อคุยเรื่องอื่น แปลกบอกว่ากำลังเพาะลิลลี่ แต่เพราะอากาศเมืองไทยร้อนไป เลยยังปลูกไม่ขึ้น

“พ่อปลูกให้หนูหรือคะ”

“ลิลลี่มันบริสุทธิ์สะอาดเหมือนหนูไงลูก”

มุตตาสะเทือนใจ รู้สึกผิด นึกถึงเรื่องตัวเองด้วยใจปวดร้าว...

มุตตานั่งทานข้าวเช้ากับพ่อและแม่ สามคนพ่อแม่ลูกพูดคุยกันถึงเรื่องเก่าๆสมัยมุตตายังเด็ก เธอซาบซึ้ง ลุกขึ้นไปชงกาแฟให้พ่อกับแม่ แปลกยิ้มอ่อนโยน พิณอารมณ์ดีที่ลูกสาวเอาใจ

“หนูแค่อยากทำอะไรให้พ่อกับแม่บ้าง”

มุตตามองหน้าพ่อแม่เหมือนอยากจะจดจำไว้ตลอดกาล แปลกถามว่าลางานมาหรือเปล่า กลับมาบ้านแบบนี้ มุตตาหน้าเจื่อน ตอบพ่อเสียงแผ่วว่าคงไม่กลับไปทำงานอีกแล้ว พิณกระแทกช้อน แขวะมุตตาเสียงเขียว

“ฉันกะอยู่แล้วเชียวว่าจะไปได้สักกี่น้ำ กระเสือก กระสนจะไปให้ได้ ห้ามยังไงก็ไม่ฟัง อวดเก่งอวดดี อยากเป็นเหมือนพี่ พอเอาเข้าจริงก็ไม่ได้เรื่อง”

แปลกส่งสายตาดุเมีย ปลอบลูกเสียงอ่อนให้กลับมาอยู่บ้านถ้ามันไม่สบายใจ พิณหมั่นไส้ผัวที่โอ๋ลูก

“ใช่ น้ำหน้าอย่างแกคงต้องดักดานอยู่ในไร่ไป จนตาย พี่เขาน่ะเก่งแสนเก่ง แต่แกไม่ได้ความสักอย่าง ดีอยู่อย่างเดียว ไม่ก่อเรื่องงามหน้าให้พ่อกับแม่ต้องเอาปี๊บคลุมหัว”

แปลกปรามเมียให้หยุดซ้ำเติมลูก พิณหน้าเจื่อนลง มุตตาหน้าถอดสี กัดริมฝีปาก กลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล

“แม่พูดถูกแล้วค่ะพ่อ หนูไม่น่าเกิดมาเลย”

มุตตาพูดเสียงเรียบ ลุกขึ้นช้าๆ หมุนตัวออกไป แปลกมองเมียอย่างตำหนิ พิณทำเป็นไม่สนแต่ก็แอบมอง ตามลูกอย่างรู้สึกผิด

ooooooo

มุตตายังสะเทือนใจจากคำพูดของพิณ ทั้งอัดอั้น และละอายใจที่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง เธอออกมาเดินเล่นที่ไร่ แม้จะอยู่ท่ามกลางดอกไม้ที่บานสะพรั่ง แต่ก็ไม่ช่วยให้อารมณ์หม่นหมองของเธอดีขึ้น

คนงานหอบกุหลาบกองหนึ่งวางลงใกล้ๆตรงที่มุตตา ยืนอยู่ บอกว่าเป็นพวกไม่ได้ขนาดและโดนแมลงกัดกิน ไม่ค่อยได้ราคา เอาไปขายที่ตลาดถูกๆ ก็ไม่ค่อยจะมีคนซื้อ มุตตาสะอึก หยิบดอกไม้ขึ้นมาดู เปรยเสียงเบาเหมือนอยากพูดปลอบใจตัวเองมากกว่าพูดกับคนงาน
“ทุกอย่างก็เป็นอย่างนี้ไม่ใช่หรือจ๊ะ ของมีตำหนิก็ไม่มีค่าอะไรอีกต่อไปแล้ว”

บ่ายวันนั้น มุตตาออกจากไร่ไปขี่รถเล่นละแวกบ้าน เธอขี่มาถึงบ้านรินลดา เพื่อนสมัยเด็ก แปลกใจที่บ้านเพื่อนดูโทรมผิดหูผิดตาจากครั้งสุดท้ายที่เธอมาเมื่อปีก่อน

รินลดายืนมองดูเพื่อนจากหน้าต่างชั้นบน แววตาหม่นหมอง มุตตาตะโกนเรียก แต่รินลดาทำเหมือนไม่ได้ยิน ปิดหน้าต่างลง มุตตาเดินไปกดกริ่ง ลัดดาแม่ของรินลดาเดินออกมา แววตาหมองคล้ำ ดูเครียดๆ

“รินมันไม่สบายน่ะ มันไม่อยากเจอใคร”

ลัดดาพูดเสียงเศร้า หลบตา และขอตัวเข้าบ้านไป มุตตามองตามเป็นห่วงเพื่อนขึ้นมาตงิดๆ

มุตตาเก็บความสงสัยเรื่องรินลดากลับไปที่บ้าน พิณคุยอยู่กับเพื่อนบ้านช่างเม้าท์ในห้องนั่งเล่น บอกว่าอยากทำบุญเลี้ยงพระต้อนรับมุนินทร์กลับบ้าน แปลกนั่งดูทีวีอยู่ข้างๆ มองเมียอย่างอ่อนใจ

“ความจริงฉันอยากให้ยายนินทำปริญญาเอกต่อ จะได้เป็นด็อกเตอร์คนแรกของละแวกนี้”

“ตอนนี้ปริญญาตรีน่ะไม่พอแล้ว ฉันน่ะอุตส่าห์ส่งอีนังลูกสาวให้ต่อโท ดันไปมีผัว ก็เลยโทต้องท้องโย้กลับมา”

มุตตายอกแสยงในอก กำก้านกุหลาบที่จัดอยู่ในมือแน่น พิณปลอบเพื่อนขำๆ

“แหม ถึงจะท้องก่อนแต่ง แต่ก็ยังได้แต่งเป็นเรื่องเป็นราว ถึงลูกเขยไม่รวยแต่ก็ยังมีความรับผิดชอบ”

“ทีนี้ก็เลยรอมันทำเอกต่อ”

“เอกอะไรอีก” แปลกงง ตามมุกเพื่อนบ้านช่างเม้าท์ไม่ทัน

“ก็เอกดอก ออกเด็กยังไงล่ะพี่แปลก”

แปลกส่ายหน้า พิณหัวเราะร่วน ส่วนมุตตาหน้าเศร้า คลายมือออก เลือดซึมจากนิ้วเป็นดวง

มุตตาทุกข์ใจเหลือเกิน เข้าไปนั่งสงบจิตสงบใจ

กลางห้องพระ แปลกเดินเข้ามามองลูกสาวอย่างอ่อนโยน แล้วไปจุดธูปเทียน ชวนมุตตาคุยเรื่องสมัยเด็ก ถามถึงคำอธิษฐานที่เธอขอพระเสมอๆ แต่ไม่เคยบอกใคร มุตตายิ้มขื่น

“หนูขออะไรพ่อรู้ไหมจ๊ะ หนูขอให้หนูสวยมากๆ สวยกว่าพี่นิน ให้ใครเห็นใครก็รักมากกว่าพี่นิน”

“ก็จริงนี่ลูก ยายนินน่ะดื้อ หน้าหงิกหน้างอ ถูกแม่ตีไม่เว้นแต่ละวัน”

“ถ้าหนูรู้ หนูจะไม่อธิษฐานแบบนั้น มันบาปใช่ไหมคะพ่อ”

“คนเราสร้างกรรมอยู่ตลอดเวลา พระท่านถึงสอนให้อโหสิกรรมเป็นนิจ อธิษฐานจิตเป็นประจำไงลูก”

แปลกปลอบลูกเสียงอ่อน มุตตานั่งฟัง กลิ่นและควันธูปตลบอบอวลมากขึ้น เธอรู้สึกขยักขย้อน แปลกมองอย่างเป็นห่วง มุตตารีบบอกว่าเหม็นกลิ่นธูป แล้ววิ่งพรวดออกจากห้องไป

มุตตากลับมาห้อง นอนหลับกระสับกระส่ายฝันร้าย ถึงเหตุการณ์ที่บึงบัว ภาพมุนินทร์เข้ามายื้อแย่งมงกุฎดอกไม้ เธอพลัดตกลงไปในน้ำ ตะเกียกตะกาย มุตตาในชุดนอนบางเบา ค่อยๆ จมดิ่งลงช้าๆ เธอสะดุ้งตื่น เอามือกุมหน้าอก ลุกขึ้นมานั่งบนเตียง

มุตตามองหน้าตัวเองในกระจก อัดอั้นที่ไม่รู้จะจัดการยังไงเรื่องตัวเองความรู้สึกผิดถาโถมมาอีกครั้ง เธอเอื้อมไปเปิดโคมไฟ นั่งมองดูเงาสะท้อนของตัวเอง หน้านิ่ง...บางทีอาจเป็นการดีกว่า ถ้าเธอจมน้ำตายไปตั้งแต่วันนั้นที่บึงบัว จะได้ไม่ได้ก่อเรื่องน่าอับอายให้พ่อกับแม่อย่างตอนนี้

มุตตานอนเหม่อมองที่เพดาน โมบายนกกระดาษอันเก่ายังหมุนช้าๆ คงถึงเวลาแล้วที่เธอต้องตัดสินใจ...

ooooooo

มุตตาตื่นแต่เช้ามาทำอาหารให้พ่อกับแม่อย่างตั้งอกตั้งใจ ใบหน้าหมองมีแววสงบอย่างประหลาด อาหารทุกอย่างถูกจัดอยู่ในจานเข้าชุดกัน จัดวางอย่างงดงาม แปลกเดินถือถุงปาท่องโก๋เข้ามาพร้อมกับพิณมองที่โต๊ะอาหารอย่างแปลกใจ

“แล้วทำไมต้องมาจัดให้มันหรูหราฟู่ฟ่าขนาดนี้” พิณถามอย่างอดไม่ได้

“หนูอยากทำให้่พ่อกับแม่เป็นพิเศษหน่อยน่ะจ้ะ”

แปลกกับพิณมองหน้ากันงงๆ แต่ก็ปลื้มใจที่ลูกเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ ชวนลูกให้กินด้วย อย่ามัวแต่นั่งมอง มุตตาทานนิดเดียว พิณทักว่ากินน้อยแบบนี้ถึงได้คลื่นไส้บ่อย เหมือนคนเป็นโรคกระเพาะ มุตตาสะดุ้ง ไม่คิดว่าแม่จะช่างสังเกต แปลกถามว่าวันนี้จะไปไหน มุตตาบอกจะไปขี่รถเล่นและแวะไปเยี่ยมรินลดา แปลกชะงักพิณตาเหลือก ร้องห้ามเสียงหลง มุตตามองแม่อย่างไม่เข้าใจ

“ก็ความลับไม่มีในโลกน่ะสิ นังรินมันบอกว่าทำงาน ดิบดี สร้างบ้านอวดรวย บอกว่าเป็นพริตตี้ พรีเซ็นเตอร์

แต่ที่แท้ก็รับจ๊อบขายตัวให้เสี่ยด้วย”

มุตตาอึ้ง สงสารเพื่อนและนึกถึงเรื่องตัวเองอย่างอดไม่ได้ พิณเล่าต่ออย่างมันปาก

“มาคราวก่อนทำหน้ามายังกับดาราเกาหลี กลับมาคราวนี้โทรมอย่างกับศพ จะเป็นอะไร ถ้าไม่ใช่เอดส์”

“เขาพูดกันด้วยว่ามีลูกติดท้องมาด้วย น่าเวทนา” แปลกเสริมที่ได้ยินมาจากร้านกาแฟเมื่อเช้า

“พวกมักง่ายใจง่ายก็ยังงี้แหละ เป็นอีตัวก็เท่ากับแย่งผัวชาวบ้านเขาเหมือนกัน ท้องก็หาพ่อไม่ได้”

พิณพูดแดกดัน มุตตาตัวชา มือสั่น สะเทือนใจเรื่องเพื่อนและนึกสมเพชตัวเอง แปลกเล่าต่อว่าลัดดาไม่กล้าออกจากบ้านเหมือนกัน เพราะอายไม่อยากเป็นขี้ปากชาวบ้าน ปรายตามองเมีย พิณแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ มุตตาเข้าใจเพื่อนอย่างคนหัวอกเดียวกัน พูดถึงรินลดาเศร้าๆว่ายังโชคดีกว่าตนที่ได้ตอบแทนพ่อแม่ก่อนตาย พิณไม่สะกิดใจคำพูดแปลกๆของลูกสาว แขวะรินลดาต่ออย่างอดไม่ได้

“แต่ก็จริงนะ ไม่รู้ว่านังรินมันจะกลับมาประจานพ่อประจานแม่มันทำไม แบบนี้ตายซะดีกว่า!”

พิณพูดอย่างเหยียดหยาม แปลกมองเมียอย่างตำหนิ มุตตาตัวชา สะเทือนใจอย่างที่สุด...

มุตตาออกไปขี่จักรยานนอกบ้านอีกครั้ง เพื่อชมภาพบรรยากาศละแวกบ้าน โรงเรียนเก่า บึงบัว บ้านรินลดา และมาหยุดพักที่วัดเล็กๆแถวบ้าน ราวกับจะจดจำเอาไว้เป็นครั้งสุดท้าย เธอมองอุโบสถด้วยแววตาสงบนิ่ง เหมือนคนเพิ่งตัดสินใจอะไรบางอย่าง

มุตตากลับถึงบ้านตอนพลบค่ำ เจอกับหมอบี เพื่อนสมัยเด็กที่ขับรถมาหาเธอ มุตตาหันไปยิ้มให้แต่แววตาเศร้า เธอคิดว่าเขายังอยู่ที่อังกฤษ เขาบอกว่ากลับมาแล้ว ไปแค่หนึ่งปี มุตตามองหน้าเขานิ่ง ถอนใจเบาๆ

“ใช่สิ ปีหนึ่งแล้ว อะไรทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว”

“นี่ตาพูดถึงรินหรือเปล่า”

“ตาพูดถึงทุกคนต่างหากหมอ”

“เราเพิ่งไปเยี่ยมรินมา ความจริงรินยังไม่เป็นอะไรมาก ยาสมัยนี้ดี แต่รินไม่มีแรงใจจะสู้แล้วต่างหาก”

มุตตายิ้มเศร้า เข้าใจรินลดาดี เธอเองก็ไม่มีแรงใจที่จะสู้แล้วเหมือนกัน!

หมอบีจะลากลับ มุตตาฝากให้เขาช่วยดูแลพ่อกับแม่ ด้วยตอนที่เธอไม่อยู่ เขาเข้าใจว่ามุตตาหมายถึงตอนที่ไปอยู่กรุงเทพฯ รับปากเธอเป็นมั่นเหมาะ มุตตายิ้มบางๆ บอกลาเขาเสียงอ่อน...

แปลกกับพิณมองมุตตาคุยกับหมอบีอยู่บนบ้าน พิณไม่พอใจที่ลูกสนิทสนมกับหมอหนุ่ม เพราะฝังใจเชื่อว่าเขาคือสาเหตุให้ร้านเก่าที่ตลาดไฟไหม้ แปลกปรามเสียงดุว่าอย่ากล่าวหาคนอื่น เพราะไม่มีใครรู้ความจริง พิณค้อนสามี

ooooooo

เรื่องของรินลดาเป็นตัวกระตุ้นให้มุตตาตัดสินใจ แต่ก่อนหน้านั้น...เธออยากทำบางสิ่งบางอย่างก่อน

มุตตานั่งร้อยพวงมาลัยอย่างตั้งใจ แววตาสงบอย่างประหลาด จัดใส่พานแล้วเดินไปหาแปลกกับพิณที่ห้องนั่งเล่น คุกเข่าลงตรงหน้า วางพวงมาลัยบนมือบุพการีทั้งสอง ก้มลงกราบแทบเท้า น้ำตารื้นขึ้นมาเล็กน้อย แปลก กับพิณยิ้มปลื้ม ขัดเขิน บอกขอบใจลูกเบาๆ แม้รู้สึกแปลกๆ กับท่าทางของลูกแต่ก็ตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก

“สวยดีนะ แกน่ะทำอะไรแบบนี้ได้ดี ไม่เหมือนยายนิน ทำไม่เป็นสักอย่าง” พิณชมลูกสาว อารมณ์ดี

มุตตาบอกว่ามากราบลา พิณถามว่าไม่รอเจอมุนินทร์ก่อนหรือ จะรีบกลับทำไม มุตตาก้มหน้าหลบตา บอกว่าคงจะไม่เจอกันแล้ว แปลกกับพิณมองหน้ากันงงๆ

“พ่อจ๋า แม่จ๋า หนูขอโทษด้วยนะจ๊ะ”

“มาขออโหสิกรรมอะไรกัน ลูกคนนี้” พิณถามอย่างแปลกใจ

“หนูไม่เคยทำอะไรได้อย่างใจพ่อกับแม่เลย”

พิณอึ้ง รู้สึกผิดขึ้นมาที่ชอบแดกดันมุตตา บอกลูกอย่าคิดมาก เธอแค่บ่นไปตามประสาเพราะอยากให้ได้ดี แปลกไม่ติดใจคำพูดและท่าทีของมุตตา มองหน้าลูกอย่างปรานี บอกว่าพ่อกับแม่อโหสิให้กับทุกเรื่อง ไม่มีอะไรต้องกังวล มุตตายิ้มบางๆ ก้มลงกราบพ่อกับแม่อีกครั้ง
หลังจากนั้น มุตตานำแจกันใส่ดอกบัวที่เก็บจากบึงเมื่อกลางวัน พร้อมพวงมาลัยบนพานแก้ว วางบนโต๊ะหมู่บูชาในห้องพระ จุดธูปและเทียน ก้มลงกราบพระช้าๆ ใบหน้านวลสงบนิ่งเหมือนคนที่พร้อมแล้ว...

มุตตากลับเข้าห้อง เขียนจดหมาย พับใส่ซองจ่าหน้าถึงมุนินทร์ ใส่ไว้ในลิ้นชัก แววตาสงบ เดินไปที่กลางห้องที่มีเชือกเส้นใหญ่ผูกปมห้อยลงมาจากขื่อบนเพดาน เธอขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ มองบ่วงเชือกในมือนิ่ง นึกถึงเรื่องราวมากมายตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เรื่องเธอกับเจนภพ ตั้งแต่เจอกันครั้งแรก สร้อยมุกและสัมผัสของเขา ความขัดแย้งของเธอกับนพนภา และสุดท้ายเรื่องที่เธอ ได้เจอเพื่อนที่แสนดีอย่างวีกิจ มุตตาขออโหสิกรรมให้กับทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต แล้วค่อยๆหลับตา ถีบเก้าอี้ให้ล้มลง...

ขณะเดียวกัน รถตู้คันหนึ่งแล่นมาจอดที่หน้าบ้าน ท่ามกลางสายฝนพรั่งพรูและเสียงฟ้าร้อง มุนินทร์ในชุดสูท ก้าวลงมาช้าๆ เดินเข้าบ้านไปจนถึงหน้าห้องมุตตา เธอผลักประตูเข้าไป เห็นร่างแฝดน้องแขวนอยู่เบื้องหน้า รีบบอกพ่อแม่แล้วพาน้องสาวส่งโรงพยาบาล...แต่ก็สายเกินไป มุตตาจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ในวันที่เธอกลับมา!

ขณะเดียวกันที่กรุงเทพฯ เจนภพนอนกระสับ กระส่าย ฝันร้ายละเมอชื่อมุตตา ผวาลุกขึ้นมากลางดึก นพนภาลุกตาม แหวผัวเสียงเขียว

“ฝันร้ายหรือฝันเปียกกันแน่ยะ”

เจนภพไม่พูดด้วย ขยับตัวนอนหันหลังให้แต่นอนไม่หลับ เขานึกถึงมุตตาแล้วสังหรณ์ใจ...

เช่นเดียวกับวีกิจที่สะดุ้งตื่นตั้งแต่ตีสามแล้วนอนไม่หลับอีกเลยจนเช้า บอกสร้อยคำว่ารู้สึกโหวงๆ ไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก รู้แต่ว่าอยากทำบุญ สร้อยคำไม่ว่าอะไร ชวนลูกทำอาหารเพื่อใส่บาตร

ooooooo

มุตตาขาดงานสามสัปดาห์แล้ว อรพิม ทิพอาภาและแจงจิตโทร.หา แต่ติดต่อไม่ได้ ไม่มีใครรู้ว่ามุตตาหายไปไหน ทำอะไรอยู่ อรพิมถือแจกันใส่ดอกลิลลี่วางบนโต๊ะมุตตา เจนภพเห็นแล้วเข้าใจว่ามุตตากลับมา อรพิมบอกว่าดอกไม้ของเธอ เห็นแล้วนึกถึงมุตตา เจนภพหน้าสลด เดินเข้าห้องไป ทิพอาภาค้อน แขวะเจ้านายตามหลัง

“ก็ยังดี รู้สึกรู้สมบ้าง ผู้หญิงทั้งคนเสียผู้เสียคนขนาดนี้”

ด้านวีกิจไปหามุตตาที่หอด้วยความเป็นห่วง แต่ไม่เจอ พรบอกว่ามุตตากลับไปบ้านที่เพชรบูรณ์ได้อาทิตย์กว่าแล้ว สาวใหญ่เล่าให้วีกิจฟังเรื่องที่มุตตาโดนนพนภาราวี ทั้งจ้างคนมาทำร้าย กระชากกระเป๋า และเกือบจะโดนข่มขืนในห้องตัวเอง วีกิจตกใจ ไม่คิดว่านพนภาจะใจร้ายขนาดนี้

เวลานั้นเอง คนใจร้ายกำลังหมั่นไส้ผัวที่ละเมอชื่อมุตตา นพนภาช่วยต่อเลือกภาพต้นแบบในสมุดจิตรกรรมไทยเพื่อส่งเข้าประกวด เห็นภาพๆหนึ่งแล้วยิ้มเยาะ ปรายตามองเจนภพที่นั่งอ่านหนังสืออยู่

“วาดภาพนี้สิลูก โลหสิมพลีนรก นรกต้นงิ้ว สำหรับพวกผิดศีลข้อกาเม เขาว่าต้นงิ้วมีหนามเป็นเหล็กยาวเป็นฟุตแถมลุกเป็นไฟ ผู้หญิงอยู่ทางยอด ผู้ชายอยู่โคนต้น ปีนสวนกันไปมา ไม่ได้เจอกันตลอดชาติ”

เจนภพรู้ว่าเมียยั่ว หน้าบึ้ง ปิดหนังสือ ต่อมองพ่อเย้ยๆ

“ต่อว่ามันอยู่ที่ใจมากกว่าฮะ ใครที่ทำให้คนอื่นเจ็บช้ำน้ำใจ ตัวเองก็ทุกข์ด้วย”

“ใช่ ตกนรกในใจชาตินี้ ตกนรกจริงๆชาติหน้า” นพนภายังแขวะไม่หยุด

“แล้วคุณล่ะนภา กะไว้ว่าจะขึ้นสวรรค์ขุมไหน ขุมปั่นหุ้น ขุมโกงเงิน หรือว่าขุมเผาไล่ที่”

เจนภพออกไปอย่างหัวเสีย นพนภายิ้มกับต่ออย่างสะใจ ถามหาต้อง แต้วบอกว่าหมกตัวอยู่แต่ในห้อง นพนภาทำหน้าเหนื่อยหน่าย ลูกสาวคนโตไม่เคยทำอะไรถูกใจเธอเลยสักครั้ง

ขณะเดียวกัน ต้องนอนสะลืมสะลือบนเตียง ดวงตาเคลิ้มฝัน ข้างตัวมียาสารพัดสีกระจายจากขวดล้มกลิ้งอยู่...

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น